สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ ประมาณว่ามีคนอเมริกันราว 25 ล้านคนที่มีปัญหาเรื่องความเจ็บปวดจากอาการทางร่างกายอยู่ทุกวัน และตัวเลขการใช้ยาแก้ปวดทั้งตามใบสั่งแพทย์ รวมทั้งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจด้วย
เท่าที่ผ่านมา แพทย์มักพยายามขอให้คนไข้ระบุหรือให้ค่าความเจ็บปวดเป็นตัวเลข 1 ถึง 10 แต่เรื่องนี้ก็มักจะมีปัญหาเพราะความเจ็บปวดนั้นเป็นนามธรรมที่แต่ละคนมักให้ค่าและมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น พ่อแม่หรือพยาบาลอาจสังเกตความเจ็บปวดของทารกจากลักษณะการเคลื่อนไหวหรือเสียงร้องได้ แต่สำหรับผู้ใหญ่นั้นบางคนอาจจะมีระดับความทนต่อความเจ็บปวดไม่เหมือนกัน ดังนั้นตัวเลขความเจ็บปวดระดับห้าหรือเจ็ดของแต่ละคนจึงอาจไม่เท่ากันด้วย
อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้พยายามวัดค่าความเจ็บปวด เช่น การปวดข้อปวดกระดูก ด้วยการสังเกตรูม่านตา เพราะดวงตาซึ่งเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจนั้น อาจใช้เป็นช่องทางบ่งบอกระดับความเจ็บปวดได้ คือถ้ายิ่งปวดมากรูม่านตาก็จะขยายใหญ่ตามไปด้วย
ส่วนนักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาทก็พยายามศึกษาความเปลี่ยนแปลงในสมองเพื่อวัดค่าความเจ็บปวดเช่นกัน โดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Harvard และ MIT พบว่า การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ตรวจสมองได้พบว่าพื้นที่บางส่วนของสมองมีการทำงานหรือมีคลื่นสมองเพิ่มมากขึ้นเวลาที่ผู้ป่วยมีความเจ็บปวด
และนักวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติก็กำลังศึกษาว่า biomarkers หรือตัวบ่งชี้ทางชีวภาพบางอย่าง ช่วยบอกถึงความสามารถที่บางคนสามารถฟื้นตัวจากอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ในขณะที่บางคนต้องมีปัญหาในระยะยาว ได้อย่างไร
โดยหวังว่า หากสามารถทำความเข้าใจและวัดประเมินค่าความเจ็บปวดเป็นตัวเลขได้แล้ว โอกาสที่จะพัฒนายาและวิธีบำบัดความเจ็บปวดต่างๆ รวมทั้งการประเมินประสิทธิผลของวิธีแก้ปวดเหล่านี้ก็จะทำได้ง่าย และเป็นผลดีขึ้นเช่นกัน