ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน เคท บราวน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในรัฐของเธออยู่ในภาวะตึงเครียดถึงขีดสุดแล้ว เนื่องจากเหตุไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ที่ทำลายพื้นที่และชุมชนในรัฐตะวันตกเฉียงเหนือแห่งนี้ไปจำนวนมากแล้ว
ผู้ว่าการฯ บราวน์ บอกกับผู้สื่อข่าวในช่วงค่ำของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เธอได้ร้องขอประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกประกาศภาวะภัยพิบัติครั้งใหญ่สำหรับรัฐโอเรกอน เพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถนำส่งทรัพยากรที่จำเป็นมาช่วยเหลือนักผจญเพลิงและบุคลากรที่รับมือกันเหตุฉุกเฉินทั้งหลาย
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ เพิ่งออกประกาศภาวะฉุกเฉินให้แก่รัฐแห่งนี้ไป
แอนดรูว์ เฟลบ์ส ผู้อำนวยการหน่วยงานของรัฐที่ดูแลจัดการกรณีเหตุฉุกเฉิน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เหตไฟไหม้ป่าลุกลามมาถึงรัฐแห่งนี้ มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้ว 10 คน ขณะที่ยังมีคนอีก 22 คนสูญหายอยู่
พยากรณ์อากาศล่าสุดแจ้งว่า จะมีพายุฝนเข้าพื้นที่รัฐโอเรกอนในวันพฤหัสบดี ซึ่งน่าจะช่วยทีมงานดับเพลิงควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น พร้อมๆ กับลดปริมาณหมอกควันทำทำให้สภาวะอากาศโปร่งขึ้นได้ หลังคุณภาพอากาศในรัฐโอเรกอนถูกจัดว่าอยู่ในระดับ “เป็นอันตราย” และ “ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก” โดยวิสัยทัศน์นั้นย่ำแย่ลงมาอยู่ในรัศมีเพียงไม่ถึงครึ่งกิโลเมตรในบางพื้นที่ด้วย
ไฟไหมป่าครั้งนี้ทำลายพื้นที่ในรัฐโอเรกอน รัฐวอชิงตัน และรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปแล้วนับหมื่นตารางกิโลเมตร ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแล้ว 35 คน
และในระหว่างการเยือนรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ให้ความเห็นว่า เหตุไฟไหม้รุนแรงครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยกล่าวว่า “เมื่อต้นไม้ล้ม ทั้งหมดก็แห้ง คล้ายๆ กับไม้ขีด และสามารถระเบิดขึ้นได้ ทั้งยังมีใบไม้ ที่แห้งอยู่ตามพื้น และกลายมาเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟนั่นเอง”