ราคาน้ำมันดิบโลกที่ตกต่ำลงไม่เพียงแต่สั่นคลอนตลาดการเงินโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองในตะวันออกกลางด้วย ไม่ว่าจะในซาอุฯ อิหร่าน และแอลจีเรีย ซึ่งล้วนประสบปัญหางบประมาณเกินดุล และความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งอิหร่านซึ่งกำลังพยายามพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากประเทศตะวันตกเพิ่มยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากโครงการนิวเคลียร์
ก่อนที่ราคาน้ำมันดิบโลกจะต่ำกว่า $30 / บาร์เรล รัฐบาลซาอุฯได้เริ่มวางยุทธศาสตร์ใหม่ทางเศรษฐกิจ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันบ้างแล้ว ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น ลดงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาล สนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในซาอุฯ ตลอดจนแผนลดสวัสดิการด้านการศึกษาและสาธารณสุข เพื่อกันงบประมาณมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า น้ำประปา และที่อยู่อาศัย
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ระบุว่าราคาน้ำมันดิบที่ตกลงมาก ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมันในตลาดมืด เช่นเดียวกับเงินสนับสนุนจากประเทศกลุ่มอาหรับที่ให้กับกลุ่มกบฏในซีเรีย ที่คาดว่าจะลดลงเพราะรายได้จากน้ำมันลดลงเช่นกัน
