ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวภายหลังการสิ้นสุดการประชุมสุดยอดที่กรุงฮานอย โดยที่ไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการลงโทษทั้งหมดที่มีต่อเกาหลีเหนือ ทำให้ตนตัดสินใจเดินออกจากการประชุมทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนของเกาหลีเหนือแถลงข่าวในเวลาต่อมา ปฏิเสธคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าผู้นำคิมต้องการเพียงแค่ให้ยกเลิกมาตรการลงโทษบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด แลกกับการปิดโรงงานนิวเคลียร์หลักของเกาหลีเหนือ
รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวด้วยว่า กรุงเปียงยางได้เตรียมข้อเสนอที่เป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องการปิดโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือทั้งหมดอย่างถาวรด้วย
ขณะที่รอง รมต.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ โช ซุน ฮุย กล่าวว่า ผู้นำคิมค่อนข้างงุนงงกับท่าทีของ ปธน.ทรัมป์ และอาจไม่ต้องการทำข้อตกลงใดๆ กับสหรัฐฯ อีก
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำแถลงในเวลาต่อมาว่า เกาหลีเหนือได้ขอให้มีการยกเลิกมาตรการลงโทษทั้งหมด แต่เป็นในส่วนของมาตรการลงโทษของสหประชาชาติที่เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2016 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีเหนือ แต่ไม่รวมมาตรการลงโทษที่มีอยู่แล้วก่อนหน้านั้น
มาตรการลงโทษดังกล่าวที่เกาหลีเหนือต้องการให้ยกเลิกนั้น รวมถึง การยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าโลหะ วัตถุดิบ สินค้าหรูหรา อาหารทะเล ปิโตรเลียม และห้ามส่งออกถ่านหินด้วย
แต่ที่เกาหลีเหนือไม่ได้ร้องขอให้ยกเลิก คือ มาตรการห้ามซื้อขายอาวุธกับกรุงเปียงยางที่ใช้มานานนับสิบปีแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ และผู้เจรจาของสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการลงโทษหลังปี ค.ศ. 2016 ดังกล่าว เพราะนั่้นหมายถึงรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอีกในอนาคต