องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co‑operation and Development – OECD) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทั่วโลกทำการรีไซเคิลพลาสติกไม่ถึง 10% เท่านั้น และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออก ก่อนการประชุมว่าด้วยสนธิสัญญาพลาสติกระหว่างประเทศจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า
รายงานล่าสุดของ OECD เปิดเผยว่า ทั่วโลกใช้พลาสติกรวมกันถึง 460 ล้านตันในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่บันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 2000 ถึงเกือบสองเท่า ขณะที่ ปริมาณขยะพลาสติกที่ทั่วโลกผลิตออกมาในช่วงปีเดียวกันนั้นก็สูงขึ้นกว่าสองเท่า มาเป็น 353 ล้านตันด้วย
รายงานชิ้นนี้ที่มีชื่อว่า Global Plastics Outlook ระบุด้วยว่า การตรวจสอบรายละเอียดของกระบวนการรีไซเคิลพบว่า มีขยะพลาสติกเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ โดยขยะดังกล่าวราว 19% นั้นถูกนำไปเข้าเตาเผา และเกือบ 50% ถูกนำไปฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล
ขณะเดียวกัน ขยะพลาสติกที่เหลือราว 22% นั้นถูกนำไปทิ้งตามจุดต่างๆ โดยไม่มีการควบคุม หรือไม่ก็ถูกนำไปเผาในที่โล่งแจ้ง หรือปล่อยทิ้งให้ไปปนเปื้อนกับสิ่งแวดล้อม
และแม้ภาวการณ์ระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะทำให้ปริมาณการใช้พลาสติกทั่วโลกลดลงไป 2.2% ในปี ค.ศ. 2020 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปริมาณของผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวกลับพุ่งขึ้น และมีการคาดกันว่า ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวกลับมาสู่สภาพปกติ
ทั้งนี้ พลาสติกนั้นมีส่วนสร้างก๊าซเรือนกระจกโลกถึง 3.4% ในปี ค.ศ. 2019 โดย 90% นั้นมาจาก “กระบวนการผลิตและการแปลงสภาพมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” ตามข้อมูลในรายงานของ OECD ซึ่งได้รับการเปิดเผยออกมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนจะมีการจัดการประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อมในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ซึ่งจะมีการหารืออย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการร่างสนธิสัญญาพลาสติกโลก
ชาร์ดูล อกราวาลา หัวหน้าส่วนงานการบูรณาการสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจของ OECD ให้ความเห็นว่า รายงานฉบับนี้ “เน้นย้ำความจำเป็นสำหรับประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมมือกันเพื่อทำข้อตกลงระดับโลกในการแก้ไขปัญหาที่มีความสำคัญยิ่งนี้”
