ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวปราศรัยซึ่งมีการถ่ายทอดสดจากทำเนียบขาวเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคมตามเวลาในสหรัฐฯ นับเป็นครั้งที่สามของการปราศรัยในลักษณะนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกรณีสังหารหมู่ที่เมือง San Bernardino เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่ายังไม่มีหลักฐานว่ามือปืนทั้งสองถูกบงการจากองค์กรก่อการร้ายใดๆ ในต่างประเทศ และว่าสหรัฐฯ ได้เพิ่มมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามของการก่อการร้ายโดยหน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานรักษากฎหมายของสหรัฐฯ สามารถขัดขวางแผนการก่อการร้ายมาได้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งในและนอกประเทศ
ปธน.โอบาม่าระบุว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ กำลังพยายามติดตามทำลายเครือข่ายของผู้ก่อการร้ายในต่างประเทศอย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตามในช่วงหลังนี้ผู้ก่อการร้ายได้หันมาใช้วิธีสร้างความรุนแรงซึ่งไม่สลับซับซ้อน เช่นการใช้อาวุธยิงเพื่อสังหารหมู่ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นประจำในสังคมอเมริกัน
ถึงแม้จะไม่มีการเสนอนโยบายใหม่ แต่ประธานาธิบดีโอบาม่าได้พยายามสร้างความมั่นใจต่อประชาชนอเมริกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯกำลังจัดการรับมือกับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายอย่างจริงจัง
และว่ากำลังทหารสหรัฐฯ จะตามล่าผู้นำกลุ่มก่อการร้ายไม่ว่าในประเทศใดก็ตามที่จำเป็น และจะให้การฝึกอบรมและอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองกำลังของอิรักและซีเรียที่ต่อสู้กับกลุ่ม IS ต่อไป รวมทั้งจะทำงานร่วมกับประเทศพันธมิตรเพื่อตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มก่อการร้ายและการสรรหาสมาชิกใหม่ด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้รัฐสภาออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากขึ้น โดยให้เหตุผลว่าไม่ว่าการข่าวและการรักษากฎหมายจะทำได้ดีเพียงใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถระบุตัวผู้ที่อาจกลายเป็นมือปืนได้ทุกคน
ทั้งยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้การป้องกันผู้ที่อาจเป็นฆาตกรไม่ให้สามารถมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองเป็นเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติ
ท้ายที่สุด ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความมั่นใจว่าเราจะทำภารกิจเรื่องนี้ได้สำเร็จพร้อมทั้งวิงวอนให้คนอเมริกันไม่ต่อต้านชาวมุสลิมในประเทศด้วย