ปธน.Barack Obama รับรองกับญี่ปุ่นว่า สหรัฐจะปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้เรื่องการช่วยปกป้องญี่ปุ่นหากจีนบุกยึดครองหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในขณะนี้ แต่ ปธน.Obama ยืนยันว่าตนมิได้กำลังขีดเส้นตายท่ามกลางความขัดแย้งของสองประเทศนี้แต่อย่างใด
ปธน.Obama กล่าวที่กรุงโตเกียวระหว่างการพบหารือกับผู้นำญี่ปุ่น นายกฯ Shinzo Abe ว่า สหรัฐจะยึดมั่นตามสนธิสัญญาที่สหรัฐทำไว้กับญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นบรรทัดฐานที่ประเทศพันธมิตรปฏิบัติระหว่างกัน โดยสหรัฐยอมรับดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นตามสนธิสัญญาดังกล่าว ปธน.โอบาม่ายังได้ยืนยันว่าคำประกาศครั้งนี้มิใช่การขีดเส้นตายหรือยื่นคำขาดในเรื่องข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เพียงแต่ปฏิบัติตามสิ่งที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาเท่านั้น หมายความว่าสหรัฐมีพันธะที่ต้องช่วยปกป้องญี่ปุ่นจากการถูกโจมตี ซึ่งไม่ใช่จุดยืนใหม่ แต่เป็นจุดยืนที่สหรัฐยึดมั่นมาโดยตลอด
คำกล่าวของ ปธน.Obama ที่โตเกียวในวันพฤหัสบดีถือเป็นแถลงการณ์ที่เข้มแข็งที่สุดของ ปธน.สหรัฐ ต่อกรณีข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซนกากุ โดยก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ปธน.Obama ได้ให้สัมภาษณ์กับ นสพ.ญี่ปุ่นด้วยใจความลักษณะเดียวกัน ทำให้ทางกระทรวงการต่างประเทศจีนต้องออกมาเตือนว่า สหรัฐไม่ควรเลือกข้าง และควรเคารพความจริง
แต่ ปธน.Obama ยืนยันว่าสหรัฐมิได้เลือกยืนข้างใดข้างหนึ่งในข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซนกากุ และบอกว่าตามประวัติศาสตร์นั้น หมู่เกาะดังกล่าวควรอยู่ภายใต้การดูแลของญี่ปุ่น และสหรัฐเชื่อว่าไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ที่ว่านี้โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากอีกฝ่ายหนึ่ง
ปธน.Obama เดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยต่อท่าทีของอเมริกา ว่าจะยื่นมือช่วยเหลือญี่ปุ่นในกรณีที่เกิดปัญหารุนแรงกับจีนหรือไม่ โดยชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมองว่าสหรัฐล้มเหลวในซีเรียและยูเครนมาแล้ว
และในการหารือกับนายกฯ Abe ครั้งนี้ ปธน.Obama ยังได้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเร่งการเจรจาเรื่องข้อตกลง Trans-Pacific Partnership (TPP) กับสหรัฐและอีก 10 ประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งค้างคาเนื่องจากความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการกำหนดภาษีสินค้าเกษตรของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ปธน.Obama ยังได้กล่าวถึงเกาหลีเหนือด้วยว่า กำลังบ่อนทำลายความมั่นคงในแถบเอเชีย-แปซิฟิก และว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐ ควรร่วมมือกันกดดันให้เกาหลีเหนือหยุดพฤติกรรมคุกคาม และบอกด้วยว่าความร่วมมือจากจีนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
จากญี่ปุ่น ปธน.Obama เดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้เพื่อหารือในประเด็นเรื่องเกาหลีเหนือ จากนั้นไปยังมาเลเซีย ซึ่งจะถือเป็น ปธน.สหรัฐคนแรกในรอบเกือบ 50 ปีที่เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ จุดหมายปลายทางสุดท้ายของ ปธน.Obama ในการเยือนเอเชีย 4 ประเทศคือฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังมีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนทางทะเลกับจีนเช่นกัน
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ที่ ปธน.Obama เยือนเอเชีย ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ปธน.Obama ประกาศไว้ว่าการเพิ่มความร่วมมือทางทหารและทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้นโยบายมุ่งเน้นไปทางเอเชียหรือ Asia Pivot
รายงานจาก Luis Ramirez - VOA / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล