สื่อมวลชนของรัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับการประชุมของพรรคแรงงานเกาหลี (Workers’ Party of Korea) ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 6 เดือนหน้านั้นโดยวิธีประกาศให้สาธารณชนทราบอย่างเช่นคำโฆษณาส่งเสริมที่แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ
คำประกาศโฆษณาที่ว่านี้มีใจความว่า “ขอให้เราต้อนรับผู้แทนของพรรคแรงงานเกาหลีอย่างมีความหมายในฐานะเป็นเรื่องที่เป็นมงคล ซึ่งจะจารึกไว้ในหนังสือรายงานประจำปีของพรรคของเราและของปิตุภูมิ”
พรรคแรงงานเกาหลีเหนือประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อปีพุทธศักราช 2523 จากปีนั้นมาถึงปัจจุบัน อำนาจตกอยู่ในกำมือของฝ่ายทหารมากขึ้น หาใช่อยู่ในกำมือของพรรคไม่ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดี คิม อิล ซุง (Kim Il Sung) และ ประธานาธิบดี คิม จอง อิล (Kim Jong Il) บุตรชายของเขานับตั้งแต่ประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปีพุทธศักราช 2537
ศาสตราจารย์ บาลบีนา หวาง (Balbina Hwang) ผู้ได้รับเชิญมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย National Defense University ของสหรัฐกล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า ศูนย์กลางแห่งอำนาจดูเหมือนว่าจะย้ายจากคณะกรรมการป้องกันชาติมาอยู่ที่พรรคแรงงานเกาหลีนั้นแสดงว่าการสืบทอดอำนาจและระยะหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังประสบความสำเร็จอย่างเป็นกอบเป็นกำเมื่อมองในแง่ของสถาบัน
นักวิเคราะห์เกี่ยวกับเกาหลีเหนือจำนวนมากคาดหมายว่า นาย คิม จอง อูน บุตรชายคนที่สามของประธานาธิบดี คิม จอง อิล ซึ่งเชื่อกันว่าอายุราวๆ 27 ปีจะรวมอยู่ในบรรดาผู้ที่จะได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการกลาง บิดาของเขาได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในพรรคแรงงานเกาหลีตอนที่เขาอายุไล่เลี่ยกับบุตรชายของเขา และได้รับการประคบประหงมอยู่หลายสิบปีเพื่อครองอำนาจในเกาหลีเหนือ
นักวิจัยอาวุโส พาร์ค เหียง จุง (Park Hyeong Jung)แห่ง Korea Institute for National Unification ณ กรุงโซลกล่าวว่า นาย คิม จอง อูน อาจได้รับแต่งตั้งให้ควบคุมดูแลองค์การและการแนะแนวที่อยู่ภายใต้สำนักงานเลขาธิการ คุณ พาร์ค เหียง จุง อธิบายว่า นาย คิม จอง อูน จะสามารถตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์องค์การทุกแห่งภายในพรรค ซึ่งจะทำให้เขาสามารถติดตามสอดส่องและควบคุมการกระทำของชนชั้นหัวกะทิได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ศาสตราจาย์ บาลบีนา หวาง ไม่คิดว่าผลของการประชุมจะเป็นที่สบอารมณ์ของนักวิเคราะห์ภายนอก เธอแทบจะไม่สงสัยเลยว่าประธานาธิบดี คิม จอง อิล จะเป็นคนคอยบงการถึงแม้ว่าเธอจะคาดทายว่า ก่อนที่นาย คิม จอง อูน จะคุมอำนาจไว้ได้อย่างมั่นคงนั้น น่าจะมีการเสียเลือดเสียเนื้อกันอยู่บ้าง เธอกล่าวด้วยว่า การแก่งแย่งทางการเมืองอาจทำให้มีการกำจัดและประหารชีวิตชนชั้นหัวกะทิบางส่วน
ผู้สังเกตการณ์ด้านเกาหลีเหนือจำนวนมากคิดว่า เวลาของประธานาธิบดี คิม จอง อิล วัย 68 ปีกำลังเหลือน้อยลงทุกทีเพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพรุมเร้าและเพราะการเป็นสโตรคเมื่อสองปีก่อน เรื่องดังกล่าวอาจทำให้ความสามารถในการตัดสินใจของนาย คิม จอง อิล ลดน้อยถอยลงไปในขณะที่เกาหลีเหนือกำลังประสพภาวะเศรษฐกิจที่ใกล้จะล่มสลาย การขาดแคลนอาหารและการถูกนานาประเทศยกเว้นจีนลงโทษอย่างรุนแรงและการไม่มีพันธมิตรที่ทรงความสำคัญเหลืออยู่เลย