ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สหรัฐฯ ยังไม่ทราบชะตากรรมทหารอเมริกันหนีข้ามแดนเกาหลีเหนือ


สหรัฐฯ ยังไม่ทราบชะตากรรมที่แท้จริงของทหารอเมริกัน ที่หนีข้ามเขตแดนระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคงร่วม (Joint Security Area – JSA) ในวันอังคาร นับเป็นสถานการณ์ล่าสุดที่ผลักให้สหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งรอบใหม่กับเกาหลีเหนือ ด้านรัฐบาลเปียงยางยังไม่ปริปากเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน กล่าวในวันพุธว่า กองทัพบกสหรัฐฯ สามารถระบุตัวทหารนายนี้ คือ พลทหารทราวิส คิง ซึ่งเข้าเป็นทหารเมื่อปี 2021 และอยู่ระหว่างการเดินทางกลับสหรัฐฯ เพื่อมารับโทษทางวินัยและเตรียมปลดจากกองทัพ พลทหารคิงข้ามเขตเข้าไปยังเกาหลีเหนือ “อย่างจงใจและไม่ได้รับอนุญาต”

ทางรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่าเขาอยู่ในการควบคุมของเกาหลีเหนือ และกำลังติดตามและสืบสวนถึงสถานการณ์ความเป็นไปของเขาอย่างใกล้ชิด

ด้านสื่อรัฐบาลกรุงเปียงยาง ไม่ได้รายงานถึงเหตุการณ์นี้ในวันพุธแต่อย่างใด และไม่มีใครทราบแน่ชัดถึงชะตากรรมของเขาในเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ พลทหารคิง เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเกาหลีใต้ หลังรับโทษจำคุก 2 เดือนในข้อหาทำร้ายร่างกาย เขาถูกนำตัวไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับสหรัฐฯ ในวันจันทร์ แต่กลับหลบหนีออกจากสนามบิน และไปร่วมทัวร์หมู่บ้านปันมุนจอม บริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในช่วงบ่ายวันอังคาร

โดยผู้หญิงรายหนึ่งที่เข้าร่วมทัวร์พร้อมกับเขาเปิดเผยกับเอพีว่า ตอนแรกเธอคิดว่าการวิ่งข้ามพรมแดนของเขาเป็นเพียงการเล่นตลกเท่านั้น

U.S. Army soldier King appears in undated photo
U.S. Army soldier King appears in undated photo

นอกจากเรื่องโทษจำคุกล่าสุดนี้แล้ว พลทหารคิงยังเคยถูกปรับ 3,950 ดอลลาร์ฐานทำร้ายร่างกายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน และทำลายรถตำรวจที่กรุงโซลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วด้วย

ด้านคลอดีน เกตส์ แม่ของพลทหารคิง เปิดเผยกับเอบีซี นิวส์ ว่าเธอรู้สึกตกใจเมื่อได้ทราบว่าลูกชายหนีข้ามพรมแดนเข้าเกาหลีเหนือ และว่าเธอ “ไม่เชื่อว่าทราวิสจะทำอะไรแบบนั้นได้” โดยเธอติดต่อกับพลทหารคิงครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ซึ่งเขาแจ้งว่าจะกลับไปยังฐานทัพในเท็กซัส และเธอได้แต่หวังให้ลูกชายได้กลับบ้านเท่านั้น

พลทหารคิง คือ ชาวอเมริกันคนแรกที่ถูกควบคุมตัวในเกาหลีเหนือในรอบเกือบ 5 ปี และการควบคุมตัวพลเมืองอเมริกันแต่ละครั้งนำมาซึ่งการเจรจาทางการทูตอันซับซ้อน เนื่องจากสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน อีกทั้งความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างมาก และในอดีตรัฐบาลเกาหลีเหนือเคยควบคุมตัวชาวอเมริกันเอาไว้และไม่ปล่อยตัวคนเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว

ยัง มู-จิน จาก University of North Korean Studies ในเกาหลีใต้ ให้ทัศนะกับเอพีว่า “มีแนวโน้มว่าเกาหลีเหนือจะใช้ประเด็นเรื่องทหารนายนี้เพื่อการโฆษณาชวนเชื่อในระยะสั้น และจากนั้นจะใช้เป็นเครื่องต่อรองในระยะกลางหรือระยะยาว”

ส่วนประเด็นเรื่องการแปรพักตร์ของชาวอเมริกันหรือชาวเกาหลีใต้นั้นเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ขณะที่มีชาวเกาหลีเหนือมากกว่า 30,000 คนที่หลบหนีเข้ามาเกาหลีใต้เพื่อหลีกหนีการกดขี่ทางการเมืองและความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลี

  • มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี
XS
SM
MD
LG