เกาหลีเหนือจัดแสดงขบวนพาเหรดทางการทหารเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีการนำขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาจัดแสดงให้ประชานได้ชมด้วย ตามรายงานของสื่อทางการเกาหลีเหนือ เคซีเอ็นเอ (Korean Central News Agency)
ในการจัดแสดงขบวนพาเหรดกลางกรุงเปียงยางครั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน เข้าร่วมชมงานและกล่าวปราศรัยถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพเกาหลีเหนือ โดยให้สัญญาว่า จะเพิ่มแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือให้ "เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
ผู้นำคิมประกาศกร้าวว่า ประเทศใดก็ตามที่พยายามเผชิญหน้าทางทหารกับเกาหลีเหนือจะต้องถูกทำลายย่อยยับ
คิม จอง อึน ซึ่งสวมชุดทหารสีขาวพร้อมเครื่องประดับยศสีทองและสีแดง เข้าร่วมในขบวนพาเหรดครั้งนี้พร้อมภริยา รี โซล จู เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง 90 ปีวันก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือ
ภาพข่าวจากเคซีเอ็นเอ แสดงให้เห็นขีปนาวุธหลายแบบที่ล้วนเป็นเทคโนโลยีทางการทหารล่าสุดของเกาหลีเหนือ รวมทั้ง ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ฮวาซอง-17 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือมีอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ชัดเจนว่า มีอาวุธอะไรที่ถูกนำมาแสดงในงานนี้บ้าง เนื่องจากยังไม่มีการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือ
เมื่อเดือนที่แล้ว เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า รัฐบาลกรุงเปียงยางกำลังเตรียมทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอีกครั้งเร็ว ๆ นี้ หรืออาจเป็นการทดสอบหัวรบนิวเคลียร์ก็เป็นได้ ซึ่งจะเป็นการสั่นคลอนความมั่นคงในภูมิภาคนี้อีกครั้ง
ด้านนักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลเปียงยางจะใช้กลยุทธ์ทดสอบขีปนาวุธนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสถานการณ์ว่า กำลังเกิดวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลี และดึงให้สหรัฐฯ ยินยอมเข้าร่วมการเจรจาต่อรองในอนาคต แม้ว่าที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธคำเชิญของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้มีการหารือเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนี้มาแล้วหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ยูน ซอก-ยอล รับปากว่าจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ โดยคณะทำงานของเขามีคำแถลงเกี่ยวกับการขบวนพาเหรดทางทหารครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือว่าเป็นการคุกคามสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีและของภูมิภาคนี้
"การคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือได้กลายมาเป็นภัยคุกคามที่จริงจังต่อเกาหลีใต้ ดังนั้นการเพิ่มศักยภาพทางการทหารเพื่อป้องกันเกาหลีเหนือจึงถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้" แถลงการณ์ของคณะทำงานดังกล่าวระบุไว้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้รับปากว่า จะกลับมาซ้อมรบแบบเต็มรูปแบบกับกองทัพสหรัฐฯ หลังจากที่การซ้อมรบดังกล่าวลดขนาดลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากความพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและการระบาดของโควิด-19
