องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ กดดันทางการรัสเซียให้ข้อมูลและเข้าร่วมการสืบสวนสอบสวนเหตุลอบวางยาพิษนักการเมืองฝ่ายค้านของรัสเซีย นายอเล็กเซ นาวาลนี
พลเอกเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ สั่งเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ เพื่อหารือกรณีการลอบวางยาพิษนักการเมืองฝ่ายค้านรัสเซียนาวาลนี โดยเลขาฯ นาโต้ กล่าวว่ารัสเซียต้องร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสอบสวนของหน่วยงานองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organization for the Prohibition of Chemical Weapons) และสมาชิกนาโต้ต่างเห็นชอบว่ารัสเซียจะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้
เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า การใช้อาวุธเคมีใดๆ ก็ตาม ถือเป็นการแสดงความไม่เคารพต่อชีวิตผู้อื่นอย่างชัดเจน และเป็นการละเมิดกฏข้อบังคับระหว่างประเทศที่ไม่อาจยอมรับได้
การเปิดการสอบสวนของ หน่วยงานองค์การห้ามอาวุธเคมี และแรงกดดันจากนาโต้ มีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีเยอรมนี แองเกลา แมร์เคิล ได้กล่าวเมื่อวันพุธว่า ยาพิษที่พบในร่างกายของนายนาวาลนี คือ สารเคมีทำลายประสาทในกลุ่ม "โนวิช็อก" ซึ่งผลิตในสมัยสหภาพโซเวียต และว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นความมุ่งหมายต่อชีวิตผู้นำฝ่ายค้านนาวาลนี โดยฝีมือของบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย และมีเพียงรัฐบาลรัสเซียเท่านั้นที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ได้
ฝั่งรัสเซียออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหานี้โดยเน้นย้ำว่าไม่มีมูลความจริง โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ นายวลาดิเมียร์ โคโลโคลท์เซฟ (Vladimir Kolokoltsev) รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ว่า ไม่มีการก่ออาชญากรรมใดๆ และไม่มีหลักฐานความจริงให้ต้องสืบสวน
ก่อนหน้านี้ โฆษกรัสเซีย ดิมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า "ไม่มีหลักฐานรองรับคำกล่าวหาที่มีต่อรัสเซีย และทางการรัสเซียไม่ขอยอมรับคำกล่าวหาใด ๆ ทั้งสิ้นในกรณีนี้"
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยืนยันว่า ทางการเยอรมนีได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเบอร์ลินเข้าพบ แต่ก็มิได้แสดงหลักฐานรองรับข้อกล่าวหานั้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หลักฐานของสารเคมีในกลุ่มโนวิช็อกที่พบในตัวนายนาวาลนี เป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่ใช้ลอบสังหารอดีตสายลับชาวรัสเซีย เซอร์เก สคริพาล และบุตรสาว ที่เมืองซอลส์บิวรี ประเทศอังกฤษ เมื่อสองปีก่อน ยังผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกในช่วงนั้น