อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ยืนยันว่าจะทำการอุทธรณ์คำพิพากษาจำคุก 12 ปี ในฐานความผิดทางอาญา 7 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงเงินกองทุนพัฒนาแห่งชาติ 1MDB ของรัฐบาลมาเลเซีย
หลังจากผู้พิพากษา โมฮาหมัด นาซลาน โมฮาหมัด กาซาลี แห่งศาลสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกาศคำพิพากษาในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค มีความผิดฐานใช้อำนาจมิชอบ ทำลายความเชื่อมั่น และฟอกเงิน ในคดีของกองทุน 1Malaysia Development Berhad หรือ 1MDB อดีตผู้นำมาเลเซียบอกกับผู้สื่อข่าวว่า คำพิพากษานี้ไม่ใช่ “วันสิ้นโลก เพราะยังมีกระบวนการอุทธรณ์ ที่เราหวังว่าจะประสบความสำเร็จให้ได้”
อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งอัยการกล่าวหาว่า ยอมรับเงินเกือบ 10 ล้านดอลลาร์จากหน่วยงานหนึ่งภายใต้กองทุนดังกล่าว และถูกฟ้องรวมกันถึง 42 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการโกงเงินถึงราว 4,500 ล้านดอลลาร์ อ้างว่า ตนถูกหลอกโดย โจ โลว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชาวมาเลเซียและเจ้าหน้าที่กองทุน 1MDB ที่ร่วมขบวนการโกง ว่าเงินที่นำเข้าบัญชีของตนเป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ทีมสอบสวนของสหรัฐฯ กล่าวว่า เงินที่หายไปจากกองทุนนั้นถูกนำไปใช้ซื้อกิจการโรงแรม และสินค้าหรูหรา เช่น เครื่องประดับอัญมณี และงานศิลป์ราคาแพง รวมทั้งนำไปลงทุนในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street เป็นต้น ขณะที่เงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์ นั้นเข้าไปอยู่ในบัญชีของอดีตนายกฯ มาเลเซียรายนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน รอสมาฮ์ มานซูร์ ภรรยาของเขา ก็ถูกฟ้องข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบ หลังเจ้าหน้าที่บุกคนบ้านและพบสินทรัพย์ต่างๆ เช่น เงินสด อัญมณี กระเป๋าถือหรูหราราคาแพงและของมีค่าอื่นๆ รวมกันเป็นมูลค่ากว่า 270 ล้านดอลลาร์
คดีกองทุนฉาวนี้ ทำให้ชาวมาเลเซียโกรธแค้นมาก และส่งผลให้ผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงลงคะแนนขับพรรค United Malays National Organisation (องค์การมลายูรวมแห่งชาติ) ของเขา ออกจากสภาไปเมื่อปี ค.ศ. 2018 โดยพรรคนี้ เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นสมาชิกรัฐบาลผสมที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ประกาศอิสรภาพเมื่อปี ค.ศ. 1957 ด้วย