สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมาที่ดำเนินมากว่า 3 เดือนยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลง หลังกองทัพใช้มาตรการรุนแรงปราบปรามผู้ออกมาชุมนุมประท้วงการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนจนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่า 700 คนแล้ว
ล่าสุด รัฐบาลเงาของเมียนมา ที่เรียกตนเองว่า The National Unity Government หรือ รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้มีการจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธ ที่ชื่อว่า The People’s Defense Force หรือ PDF เพื่อทำหน้าที่รับมือกับรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจปกครองประเทศไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
ตัวแทนรัฐบาลเงากล่าวว่า การตั้งกลุ่มติดอาวุธขึ้นมานี้ เป็นไปตามอำนาจที่ได้มาจากการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรค NLD ของนางอองซานซูจี ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย พร้อมระบุว่า การจัดตั้งกองกำลังดังกล่าวขึ้นมาเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อช่วยป้องกันรัฐบาลทหารที่เรียกตนเองว่า สภาบริหารแห่งรัฐ ไม่ให้สังหารหรือใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อประชาชน
ขิ่น มา มา เมียว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเงา กล่าวว่า การก่อตั้ง PDF ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 5 พฤษภาคมนั้น เป็นผลของการเตรียมการมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งรวมถึงการใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อฝึกฝนสมาชิกกองกำลัง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเงาเมียนมา ยังบอกกับผู้สื่อข่าว Radio Free Asia ภาคภาษาพม่า ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัด U.S. Agency for Global Media (USAGM) เช่นเดียวกับ วีโอเอ ว่า การฝึกอบรมนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าตัวกำลังคนและอาวุธเสียอีก โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลเงาระบุว่า กองกำลัง PDF นั้นคือ จุดกำเนิดของ กองทัพ Federal Union Army ที่จะผนึก PDF เข้ากับกองกำลังของชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ เพื่อสู้กับกองทัพเมียนมาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
ที่ผ่านมา ชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มได้ให้การสนับสนุนผู้ที่ออกมาต่อต้านรัฐประหารด้วยการให้ที่พักอาศัยและช่วยฝึกฝนทักษะการต่อสู้ด้วย แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มที่หลีกเลี่ยงไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งนี้ โดยมีบางกลุ่มที่แสดงความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาลเงา อันมีสมาชิกเป็นตัวแทนรัฐบาลที่พวกตนเคยปะทะด้วยมาก่อน
หนึ่งในกลุ่มที่ให้การสนับสนุนผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาคือ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ตัวแทนชนชาวกะเหรี่ยง ที่มีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ และถูกกองทัพส่งเครื่องบินรบมาโจมตีเมื่อไม่นานมานี้ ออกมาสนับสนุนการจัดตั้งกองกำลัง PDF และได้เริ่มหารือประเด็น “การต่อสู้กับศัตรูร่วม” กันแล้ว ตามคำบอกเล่าของ ปาโด ซอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างประเทศระดับสูงของ KNU
ฮลา จอ ซอ นักวิเคราะห์ด้านการเมืองและการทหาร บอกกับผู้สื่อข่าว Radio Free Asia ว่า บทเรียนสำคัญจากการต่อต้านรัฐประหารครั้งนี้ ที่เรียกว่าเป็น “การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิ” (Spring Revolution) ก็คือ ความจำเป็นที่ต้องมีการลุกขึ้นมาต่อสู้พร้อมอาวุธ โดยระบุว่า “ประชาชนได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าถึง 2 บทเรียนจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โดยทุกคนได้เรียนรู้ว่า ตนต้องลุกขึ้นมาสู้พร้อมอาวุธ ... และว่า ชนกลุ่มน้อยทั้งหมดต้องสามัคคีกัน เพื่อสู้กับเผด็จการทหารนี้”
กลยุทธ์ล้มยักษ์
นอกจากการเดินเกมต่อสู้ในประเทศแล้ว รัฐบาลเงาเมียนมายังพยายามหาเสียงสนับสนุนจากประชาคมโลก ตั้งแต่จัดตั้งขึ้นมาเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อนด้วย
ยกตัวอย่างเช่น จอ โม ทุน เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ ซึ่งเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และนานาประเทศให้การสนับสนุนรัฐบาลเงาเมียนมา โดยกล่าวว่า การที่ประชาคมโลกให้การยอมรับและทำงานร่วมกับรัฐบาลเงา จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเปิดทางไปสู่การยุติความรุนแรง และยังจะช่วยชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พร้อมๆ กับปกป้องทุกคนจากการกระทำอันโหดร้ายและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกองทัพเมียนมา ทั้งยังจะช่วยให้เมียนมากลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเป็นโอกาสให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังผู้ที่เดือดร้อนอีกด้วย
แต่ เทียน ทุน อู อดีตนายทหารและผู้อำนวยการหน่วยงานวิจัยที่มีสนับสนุนกองทัพ ที่ชื่อว่า Thayninga Institute for Strategic Studies ซึ่งตั้งอยู่ในนครย่างกุ้ง ให้ความเห็นว่า ขณะที่รัฐบาลเงาเมียนมามองโลกในแง่ดีว่าจะสามารถดำเนินการต่างๆ ได้สำเร็จ การจะโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลทหารให้ได้ยังดูห่างไกลจากความเป็นจริงมาก เพราะที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้แต่ออกแถลงการณ์มากมาย และเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ทำงานแค่เพียงด้านเอกสารเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มที่เคยสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มเปลี่ยนท่าทีไปแล้ว เช่น พรรคแห่งชาติยะไข่ (Rakhine National Party) ที่เป็นตัวแทนชาวยะไข่ในพื้นที่ตะวันตกของประเทศ และเพิ่งประกาศระงับความร่วมมือต่างๆ กับรัฐบาลทหาร หลังจากไม่ทำตามคำมั่นที่จะยกเลิกการตราหน้ากองกำลังยะไข่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพรรคว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และทำตามสัญญาว่าจะปล่อยตัวสมาชิกที่ถูกจับกุมในข้อหาก่อการร้ายไปเมื่อก่อนหน้านี้
เหตุกองกำลังติดอาวุธสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร
ขณะเดียวกัน เกิดเหตุการณ์โจมตีกองทัพเมียนมาอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เช่น การสังหารเจ้าหน้าที่กองทัพเมียนมาโดยกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่รัฐชิน ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนอินเดีย และการยิงเฮลิคอปเตอร์ทหารตกในรัฐกะฉิ่น รวมทั้ง เหตุการณ์ที่พลเรือนร่วมกันโจมตีเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงหลายสิบคนในอีกหลายพื้นที่ของเมียนมา
และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดที่หน้าโรงพยาบาลที่อยู่ข้างรัฐบาลทหารในนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีการโจมตีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิตไปด้วย ตามคำบอกเล่าของพยานในที่เกิดเหตุ โดยคืนก่อนหน้านั้น มีการระเบิดอาคารที่เคยเป็นที่ทำการของกองทัพแต่เพิ่งถูกดัดแปลงมาเป็นโรงพยาบาลที่เปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด