พิธีศพของ มูฮัมหมัด อาลี จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้ที่เมือง Louisville รัฐเคนตักกี้ บ้านเกิดของอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ โดยจะจัดที่สนามกีฬา Louisville KFC Yum! Center ซึ่งสามารถจุประชาชนได้ราว 22,000 คน และจะมีการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตด้วย
“โบยบินเหมือนผีเสื้อ แต่ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง” คือคำนิยามของอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทผู้ยิ่งใหญ่ มูฮัมหมัด อาลี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่แล้วในวัย 74 ปี หลังจากที่ต้องต่อสู้กับโรคพาร์คินสัน มายาวนาน 32 ปีเต็ม
เด็กชาย แคสเชียส เคลย์ เกิดที่เมือง Louisville รัฐเคนตักกี้ ในครอบครัวของช่างทาสี เขาเริ่มหัดต่อยมวยจากคำแนะนำของตำรวจผู้หนึ่งที่ต้องการให้เขาเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง ครูฝึกคนแรกบอกว่าเคลย์มีพรสวรรค์โดดเด่น และขยันฝึกซ้อม ทำให้เชิงมวยของเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว
แคสเชียส เคลย์ เริ่มสร้างชื่อด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อปี ค.ศ.1960 ก่อนที่จะคว้าแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทแบบพลิกความคาดหมาย หลังจากเอาชนะ ซอนนี่ ลิสตัน เมื่อปี ค.ศ.1964
จากนั้นเขาเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น มูฮัมหมัด อาลี โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการใช้ชื่อเดิมซึ่งเป็น “ชื่อของทาส”
อาลีไม่แพ้ใครบนสังเวียนนานหลายปี จนกระทั่งเขาถูกตั้งข้อหาหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยเหตุผลทางศาสนา รวมทั้งถูกเพ่งเล็งจากจุดยืนที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม ทำให้อาลีถูกริบเข็มขัดแชมป์โลกและห้ามชกมวยอาชีพเป็นเวลาถึง 3 ปี จนกระทั่งศาลสูงของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด เมื่อปี ค.ศ.1970
ไม่กี่เดือนหลังกลับคืนสังเวียน มูฮัมหมัด อาลี ปราชัยเป็นครั้งแรกให้กับแชมป์โลกในเวลานั้น คือ โจ เฟรเซียร์ ในการชกที่เรียกกันว่า “ศึกแห่งศตวรรษ” แต่ในการพบกันครั้งที่สอง อาลีชนะเฟรเซียร์และยึดเข็มขัดแชมป์คืนมาได้สำเร็จ
นักวิเคราะห์ด้านกีฬาหลายคนชี้ว่า อาลีอาจเป็นนักกีฬาระดับโลกคนแรกๆ ของอเมริกาที่ชอบคุยโว เพราะในเวลานั้นไม่ค่อยมีนักกีฬาคนไหนที่ชอบคุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกาจของตัวเอง
การชกที่น่าจดจำอีกนัดหนึ่งของอาลี มีขึ้นในปี ค.ศ. 1974 กับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทในขณะนั้น จอร์จ โฟร์แมน ซึ่งเป็นแมตช์ที่รู้จักกันในชื่อ “The Rumble in the Jungle” หรือ “ไพรีกัมปนาท”
อาลีกล่าวหลังชนะน็อคโฟร์แมนและคว้าแชมป์โลกในครั้งนั้นว่า ตนปล้ำกับจระเข้ สู้กับปลาวาฬ จับสายฟ้ามามัด แล้วโยนเข้าไปในกรงขัง และยังบอกว่าตนเองร้ายจริงๆ
มูฮัมหมัด อาลี ประกาศแขวนนวมเมื่อปี ค.ศ. 1981 ด้วยสถิติชนะ 56 ครั้ง แพ้ 5 ครั้ง หลายปีต่อมาเขาตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคพาร์คินสัน ซึ่งเชื่อว่าอาจเกิดจากการถูกต่อยเป็นจำนวนนับหมื่นครั้งบนสังเวียน
เมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอ อาลีก็เริ่มหายหน้าไปจากสาธารณชน ก่อนที่จะสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้งเมื่อเขาได้รับเกียรติให้เป็นผู้วิ่งถือคบเพลิงโอลิมปิกเมื่อปี 1996 ที่นครแอตแลนต้า และเป็นผู้เชิญธงโอลิมปิกในพิธีเปิดเมื่อปี 2012 ที่กรุงลอนดอน
มูฮัมหมัด อาลี ได้รับเหรียญ Medal of Freedom เมื่อปี 2005 จาก ปธน. จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดสำหรับพลเมืองอเมริกัน
นิตยสารกีฬาชื่อดัง Sport Illustrated ยกย่องมูฮัมหมัด อาลี ให้เป็น “ยอดนักกีฬาแห่งศตวรรษที่ 20” ขณะที่ตัวอาลีเองพร่ำบอกอยู่เสมอว่าตนคือ “สุดยอดผู้ยิ่งใหญ่” ผู้มาพร้อมกับปีกของผีเสื้อและเหล็กในของผึ้ง
และไม่ว่าใครจะชื่นชอบในตัวยอดนักชกผู้นี้หรือไม่ก็ตาม แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคลิกของอาลีได้ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้คนทั่วโลก และนั่นอาจถือเป็นความยิ่งใหญ่กว่าผลงานบนผืนผ้าใบของตำนานนักชกจอมโวผู้นี้เสียอีก