ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่การันตีความมันส์ระห่ำ สำหรับ Tomb Raider ตั้งแต่วิดีโอเกม การ์ตูน ไปจนถึงภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้กับแองเจลินา โจลี มาคราวนี้ Tomb Raider ในรูปแบบภาพยนตร์ฉบับล่าสุดนี้ จึงเต็มไปด้วยความคาดหวังในแง่ของความอลังการงานสร้างที่ทุกคนรอคอย
Tomb Raider ได้นักแสดงสาวสวยมากฝีมือชาวสวีเดน อลิเซีย วิกันเดอร์ จาก The Danish Girl สลัดมาดสาวสวยมารับบท ลารา ครอฟต์ สาวน้อยชาวอังกฤษวัย 21 ปี ต้องตามหาคุณพ่อ ลอร์ด ริชาร์ด ครอฟท์ ที่หายสาบสูญไปเมื่อ 7 ปีก่อน ด้วยความช่วยเหลือของ ลู เร็น ชาวเรือฮ่องกง
ระหว่างทางเรือของทั้งคู่เกิดอัปปางลงที่เกาะอันเป็นสุสานโบราณของราชินีฮิมิโกะ ซึ่งหน่วยงานด้านศาสตร์มืด Trinity พยายามจะค้นหาสุสานดังกล่าวที่เชื่อกันว่า หากมีผู้ใดเปิดประตูสุสานได้ อาจนำพาความชั่วร้ายให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ในแง่ของภาพยนตร์ เราอาจจำภาพของนางเอกทรงโตนักบู๊สุดเซ็กซี่ในสไตล์ของโจลี ที่เป็นจุดขายของ Tomb Raider มาเป็นสิบปี แต่ในภาคนี้ถูกแทนที่ด้วยลุคสปอร์ตเกิร์ล ซึ่งทันสมัยและสดใสไร้เดียงสากว่า เหมือนกับการย้อนภูมิหลังของ ลารา ครอฟต์ ก่อนที่เธอจะเจริญรอยตามพ่อเพื่อเป็นนักล่าสมบัติอย่างเต็มตัวนั่นเอง
อลิเซีย วิกันเดอร์ ตอบโจทย์เหล่านั้นได้ครบถ้วน ทั้งความสวย มีสเน่ห์ น่ารักน่าเอ็นดู บวกกับทักษะเอาตัวรอดในภาพยนตร์ที่อัดเข้ามาแบบไม่ให้หายใจหายคอ ถึงขนาดผู้วิจารณ์ต้องอุทานระหว่างการชม ว่าชีวิตของสาวน้อยวัย 21 จะขมขื่นได้เพียงนี้เชียวหรือ?
น่าเสียดายที่ผู้กำกับคอยใส่ฉากดราม่าย้อนภูมิหลังสอดแทรกไปในแต่ละฉาก เพื่อบอกว่า ลารา ครอฟต์ นั้นไม่ใช่เด็กสาวไก่กา ที่จู่ๆจะมาสตรองแบบไม่ทราบสาเหตุ แต่นั่นกลับทำให้หนังดูอืดและเนิบเกินกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนตัวรู้สึกว่าควรจะตัดส่วนนี้ไปเพื่อให้หนังสั้นลงบ้างจะดีกว่า
โดยรวมก็คือ ใครที่เป็นแฟน Tomb Raider สายเซ็กซี่อาจต้องผิดหวังอย่างแรง แต่หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบหนังแอคชั่นและแฟนภาพยนตร์ของอลิเซีย วิกันเดอร์ น่าจะพาตัวเองไปชม Tomb Raider ภาคนี้กันสักหน่อย