ในปีนี้คอหนังเฝ้ารอภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ที่จ่อรอฉายกันในช่วงส่งท้ายปี แต่ในระหว่างนี้ ก็มีภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ให้แฟนหนังสไตล์ Sherlock Holmes ได้ชมกัน คือ ‘Murder on the Orient Express’
ภาพยนตร์รีเมคจากปลายปากกาของ Agatha Christie ที่ได้แรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเล่มนี้ มาจากประสบการณ์การนั่งรถไฟของเธอเอง และถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์และซีรีส์มาแล้ว
ในเวอร์ชันนี้ ยึดตามพลอตเรื่องเดิม เมื่อคนแปลกหน้า 13 คน ต้องขึ้นรถไฟ the Orient Express รถไฟหรูระดับ 5 ดาว จากนครอิสตันบูล ของตุรกี ไปยังเมืองท่ากาเลส์ ของฝรั่งเศส และหนึ่งในผู้โดยสารบนขบวนนี้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ร้อนถึง Hercule Poirot (แอร์กูล ปัวโร) ที่โดยสารมากับรถไฟขบวนนี้ ต้องรับหน้าที่สืบคดีว่าใครคือฆาตกรบนรถไฟขบวนนี้?
เนื้อเรื่องปูทางสู่ความเป็นนักสืบอันเก่งกาจของ Hercule Poirot และการทำงานแบบไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน จากคดีหนึ่งไปอีกคดี แม้กระทั่งหวังจะพักผ่อนบนรถไฟระดับเฟิร์สคลาส ยังไม่วายต้องเสียเวลาอ่านนิยายมาช่วยไขคดี ทว่าคดีนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของนักสืบอันโด่งดังไปตลอดกาล
สิ่งที่น่าเสียดายในหนังฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายในไตรมาสสุดท้ายของปี คือ ทัพนักแสดงที่แน่นขนัด ไม่ใช่เพราะมารวมกันบนรถไฟขบวนนี้เท่านั้น แต่เพราะการให้ซีนของแต่ละคนในระหว่างสืบสวนช่างน้อยเหลือใจ ไม่มีเวลาให้แสดงบทบาทที่ได้รับเท่าไหร่นัก ผิดกับ Poirot ที่ Kenneth Branagh เล่นเองกำกับเอง ที่โผล่มาในฉากมันทุกซีน พ่วงด้วยแฟนสาวในเรื่องที่ดูไม่ค่อยจำเป็นและไม่เชื่อมต่อกับภาพยนตร์องค์รวมเท่าไหร่
เรียกว่าใครที่ชื่นชอบหนังสืบสวนสอบสวนและเป็นแฟนนวนิยายของ Agatha Christie ก็สามารถไปซื้อตั๋วและนั่งชมเพลินๆ กันได้
(บทวิจารณ์โดย นีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)