"Call me by your name" คือหนังรักโรแมนติกที่พูดถึงความรักของเด็กวัยแตกเนื้อหนุ่ม เอลลิโอ (Elio) ซึ่งอาศัยอยู่กับครอบครัวที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิวทางเหนือของอิตาลี กับผู้ช่วยงานวิจัยของพ่อของเขา โอลิเวอร์ (Oliver) หนุ่มนักศึกษาปริญญาโทรูปหล่อชาวอเมริกัน
ทั้งคู่พบกันในช่วงฤดูร้อนของปี 1983 เมื่อโอลิเวอร์เดินทางมาช่วยงานพ่อของเอลลิโอที่อิตาลี เด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่สงสัยใคร่รู้เริ่มเกิดความสนใจในตัวผู้ช่วยผู้นี้ซึ่งมีนิสัยหลายอย่างแตกต่างกับตนเอง เช่น รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่แคร์คนรอบข้าง และมีความเป็นศิลปินสูง
(รับฟังวีโอเอไทยคุยหนัง Call me by your name จากรายการสุดสัปดาห์กับวีโอเอ)
จากความฉงนสนเท่ห์ในตอนแรก ทั้่งคู่เริ่มใกล้ชิดกันเรื่อยๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันภายใต้การจับตามองของพ่อแม่ของเอลลิโอ
เอลลิโอพบตัวเองทำอะไรหลายอย่างแปลกๆ เช่น การพยายามทำตัวให้โอลิเวอร์พึงพอใจ หรือ การแอบขโมยเสื้อผ้าของโอลิเวอร์ไปดม และแม้หนุ่มน้อยวัย 17 ปีได้เริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนสาวรุ่นเดียวกันไปแล้ว ก็ดูเหมือนเขาได้เปิดใจให้โอลิเวอร์ด้วยเช่นกัน จนเกิดเป็นความสับสนเล็กๆ ในใจที่รอวันเปิดเผยออกมา
ทิมโมธี ชาลาเม็ท (Timothee Chalamet) นักแสดงอเมริกันวัย 22 ปี รับบทเอลลิโอ เขาได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาดารานำชายยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้ด้วย จากการแสดงบทเด็กหนุ่มที่กำลังค้นหาตัวเองได้อย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในเรื่องราวของเขาจริงๆ
ส่วนโอลิเวอร์ รับบทโดย อาร์มี แฮมเมอร์ (Armie Hammer) ดาราอเมริกันวัย 31 ปี ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงสาขาดาราสมทบชายยอดเยี่ยมบนเวทีลูกโลกทองคำ
ฉากเด่นฉากหนึ่งของเรื่องนี้ คือตอนที่เอลลิโอและโอลิเวอร์นอนกอดกันอยู่บนเตียงนอน แล้วโอลิเวอร์ขอให้เอลลิโอเรียกเขาด้วยชื่อของเอลลิโอ และเขาก็จะเรียกเอลลิโอด้วยชื่อของตนเองเช่นกัน
"Call me by your name" คว้ารางวัลมาแล้วในหลายเวที และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้ หลังจากได้รับคำชมอย่างล้มหลามจากนักวิจารณ์ ด้วยความลงตัวของการแสดง ฉาก ภาพ และการแต่งตัว รวมทั้งการเขียนบทที่ละเมียดละไม ใช้คำพูดน้อยแต่สื่อความหมายมาก ซึ่งทำให้หนังได้เข้าชิงในสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมด้วย
นอกจากนี้หนังยังใส่สัญลักษณ์ต่างๆ ลงไปอย่างกลมกลืน ประกอบกับบทเพลงเพราะๆ สมัย 80s โดยเฉพาะเพลง Mystery of Love ที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเช่นกัน
แต่ที่น่าเสียดายคือ ผู้กำกับภาพคนไทยที่ไปโด่งดังในต่างแดน คือ คุณสยมภู มุกดีพร้อม ซึ่งรับหน้าที่กำกับภาพให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น พลาดโอกาสเข้าชิงออสการ์ในสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม แม้ว่าจะคว้ารางวัลในสาขานี้จากเวทีอื่น รวมทั้ง Critics' Choice Movie Awards มาแล้วก็ตาม
ถึงกระนั้น ใครที่ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแบบชนบทบ้านเรา ที่เรียบง่ายสวยงาม ละเมียดละไม รวมทั้งการใช้แสงเงาที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งได้อิทธิพลมาจากฝีมือการถ่ายทำของคุณสยมภูนั่นเอง