รวมเหตุรบกวน ขบวนเสด็จ – ขบวนรถผู้นำ ผู้ก่อเหตุถูกตั้งข้อหาอะไรบ้าง?

ประเด็นร้อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นกรณี “บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ” ของตะวัน – ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และแฟรงค์ – ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร จนนำไปสู่การตั้งข้อหาและจับกุมนักกิจกรรมทางการเมืองทั้งสอง โดยกระแสฝั่งหนึ่งมีการตั้งคำถามถึงความรุนแรงของข้อหาที่ตะวันและแฟรงค์เผชิญคดีคนละ 3-5 ข้อหาโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่ทางตำรวจเผยว่า คดีดังกล่าวเป็น “คดีสำคัญและสะเทือนจิตใจของประชาชนในวงกว้าง”

ขณะเดียวกัน หน่วยงานหลายภาคส่วน บุคคลสาธารณะ และประชาชนส่วนหนึ่ง จัดกิจกรรมและแสดงออกถึงการ “ถวายกำลังใจ” แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งตะวันและแฟรงค์ถูกกล่าวหาว่า บีบแตรใส่ขบวนเสด็จของพระองค์เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

วีโอเอไทยชวนติดตามเหตุรบกวนขบวนเสด็จและขบวนรถผู้นำของประเทศต่าง ๆ และผู้ก่อเหตุดังกล่าวว่า พวกเขาเผชิญข้อหาอะไรบ้าง

ผู้ประท้วงหญิงเปลือยท่อนบน ขวางขบวนรถ ‘ทรัมป์’ ที่กรุงปารีส - ถูกตั้งข้อหาแสดงอนาจารในที่สาธารณะ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2018 นักเคลื่อนไหวหญิงรายหนึ่งแฝงตัวเป็นช่างภาพ เพื่อเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 100 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณถนนช็องเซลีเซ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะพุ่งไปปรากฎตัวหน้าขบวนรถของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวลานั้น ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์

เอพีรายงานว่า ช่างภาพที่ถือบัตรสื่อมวลชนของทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสสังเกตว่า มีหญิงคนหนึ่งใช้บัตรปลอมแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มของตน ก่อนที่พวกเขาจะแจ้งเจ้าหน้าที่และตำรวจเพื่อนำตัวเธออกไป

แต่หลังจากนั้นไม่นาน หญิงคนดังกล่าวก็พุ่งตัวออกไปดักหน้าขบวนรถของทรัมป์ พร้อมตะโกนคำว่า “นักสร้างสันติภาพจอมปลอม” (fake peace maker) และถอดเสื้อ เผยให้เห็นวลีเดียวกันเขียนอยู่บนอกที่เปลือยเปล่าของเธอ ก่อนจะถูกตำรวจรวบตัวพร้อมผู้ประท้วงหญิงอีกสองคนที่เปลือยอกเช่นกัน โดยทั้งสามถูกตั้งข้อหาแสดงอนาจารในที่สาธารณะ หรือ sexual exhibitionism

ทั้งนี้ กลุ่มเคลื่อนไหวสายสตรีนิยม Femen ในกรุงปารีสอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้ โดยกลุ่ม Femen มักประท้วงด้วยการแสดงออกเพื่อเรียกร้องความสนใจในประเด็นการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ เหยียดกลุ่มคนรักร่วมเพศ และประเด็นสังคมและการเมืองอื่น ๆ

อินนา เชฟเชนโก หนึ่งในแกนนำของกลุ่ม Femen กล่าวกับเอพีว่า การประท้วงครั้งนี้ต้องการ “ประณามความย้อนแย้ง” ของการจัดพิธีเพื่อเฉลิมฉลองสันติภาพหลังสงคราม แต่กลับเชิญผู้นำอย่างทรัมป์และวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ทางกลุ่มเห็นว่า “เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่ไม่ใช่สันติภาพ”

แม้แกนนำของกลุ่ม Femen จะยืนยันว่า การประท้วงครั้งนี้เป็นไปอย่างสันติและกระทำในพื้นที่สาธารณะ แต่เหตุดังกล่าวทำให้มีการตั้งคำถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในพิธีสำคัญที่มีผู้นำประเทศต่าง ๆ ราว 70 ประเทศเข้าร่วม ไปจนถึงผลกระทบต่อช่างภาพอาชีพที่ต้องการขอบัตรอนุญาตเพื่อทำข่าวของผู้นำประเทศในอนาคต

พยายามวิ่งตัดหน้าขบวนเสด็จกษัตริย์อังกฤษ - ถูกจับกุมและควบคุมตัว

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2022 ชายคนหนึ่งกระโดดข้ามรั้วเพื่อพยายามดักหน้าขบวนเสด็จของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ที่มีกำหนดเสด็จกลับมายังพระราชวังบักกิงแฮม ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตามรายงานของสื่ออังกฤษ Manchester Evening News

ชายคนดังกล่าวถูกตำรวจ 6 นายรุมกดตัวลงกับพื้นเกือบทันทีหลังกระโดดข้ามรั้ว ท่ามกลางเสียงตะโกนชื่นชมของประชาชนต่อการรับมือของตำรวจ โดยโฆษกตำรวจกล่าวในเวลาต่อมาว่า ชายคนดังกล่าวถูกจควบคุมตัวหลังเกิดเหตุ

ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ทางตำรวจกรุงลอนดอนเผยว่า มีผู้ถูกจับกุมทั้งสิ้น 69 ราย จากเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพ โดยเป็นคดีในหมวด “อื่น ๆ” เช่น การทำลายบรรยากาศสันติ การก่อเหตุขณะมึนเมา และการก่อเหตุวุ่นวาย มากที่สุด อยู่ที่ 29 คดี ตามมาด้วยคดีก่อความไม่สงบเรียบร้อยในที่สาธารณะ อยู่ที่ 10 คดี

ชายตะโกนป่วน ‘เจ้าชายแอนดรูว์’ ในขบวนพระบรมศพควีนเอลิซาเบธ – ถูกตั้งข้อหารบกวนความสงบ, โฆษกนายกฯ ยัน การประท้วงเป็นสิทธิพื้นฐาน

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2022 ชายวัย 22 ปีรายหนึ่ง ถูกจับกุมและตั้งข้อหาก่อกวนความสงบ โดยภาพจากโทรทัศน์เผยให้เห็นชายคนดังกล่าวตะโกนไปยังเจ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขณะเสด็จตามขบวนพระบรมศพของพระมารดา ตามรายงานของรอยเตอร์

เหตุดังกล่าวทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นชั่วขณะ โดยชายคนดังกล่าวถูกตำรวจนำตัวออกจากฝูงชนก่อนถูกควบคุมตัวในเวลาต่อมา โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองเอดินบะระในสกอตแลนด์

ทั้งนี้ เจ้าชายแอนดรูว์ทรงลดการประกอบพระกรณียกิจในปี 2019 หลังทรงถูกเพ่งเล็งจากสายสัมพันธ์กับเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักธุรกิจผู้ล่วงลับที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เจ้าชายทรงไกล่เกลี่ยกับหนึ่งในเหยื่อของเอปสไตน์ ที่กล่าวหาว่าพระองค์ทรงล่วงละเมิดเธอขณะที่เธอเป็นวัยรุ่น โดยเจ้าชายทรงปฏิเสธความผิดทั้งหมดและไม่ทรงถูกตั้งข้อหาอาญาใด ๆ

รอยเตอร์รายงานว่า แม้บรรยากาศในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพโดยรวมจะเป็นไปอย่างสงบและเต็มไปด้วยความอาลัย แต่ปฏิบัติการจับกุมผู้ก่อเหตุไม่สงบส่วนน้อยก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ

โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้นไม่ออกความเห็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ แต่ยืนยันว่า สิทธิในการประท้วงยังคงเป็นหลักการพื้นฐาน แม้ประชาชนส่วนใหญ่ของอังกฤษจะอยู่ในช่วงไว้อาลัยแด่การสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถก็ตาม

ขับรถชนขบวนรถ ‘ไบเดน’ ถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับและขับรถโดยประมาท – ไม่ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้นำสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2023 ชายคนหนึ่งถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ หลังขับรถพุ่งชนรถในขบวนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในคืนวันก่อนหน้า ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างจากทางการตำรวจเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์

ผู้นำสหรัฐฯและจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กำลังกลับขึ้นรถของตนขณะที่ชายคนดังกล่าวขับรถชนรถของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี หรือ U.S. Secret Service ที่ถูกจอดเพื่อปิดกั้นบริเวณโดยรอบที่ทำการหาเสียงในรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ ปธน. ไบเดนและภริยาอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือน ตามรายงานของเอพี

ทั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่เข้าต้อนรถคันดังกล่าวพร้อมอาวุธหลังเกิดเหตุ ก่อนที่ชายผู้ก่อเหตุจะยกมือขึ้นและยอมมอบตัว

ปธน. ไบเดนและภริยาอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 200 ฟุต และไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวและปฏิบัติภารกิจต่อไปตามกำหนดการเดิม ขณะที่ชายวัย 46 ปี ที่ไม่ถูกเปิดเผยชื่อนี้ ถูกตั้งข้อหาขับรถขณะมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ และขับรถโดยประมาท

สตีฟ โคเพค โฆษกของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี กล่าวว่า ขบวนรถของผู้นำสหรัฐฯ ออกจากพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างราบรื่น และชายผู้ก่อเหตุไม่ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้นำสหรัฐฯ

คดีบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ‘พระเทพ’ - โต้เถียงตำรวจ

ถูกตั้งข้อหาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์, ม. 116, ก่อความรำคาญในที่สาธารณะ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, บีบแตรโดยไม่มีเหตุอันควร, ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ-ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ “แฟรงค์” ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร สองนักกิจกรรมทางการเมือง ถูกตำรวจจับกุม หลังทานตะวันเผยแพร่ภาพทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ขณะที่เธอโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปิดถนนเพื่อเปิดทางให้ขบวนรถเสด็จของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งรถที่เธอโดยสารมีณัฐนนท์เป็นผู้ขับรถ ติดอยู่ในการปิดถนนดังกล่าว

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยว่า ทานตะวันถูกตั้งข้อหา “ยุยงปลุกปั่นฯ” ตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา, นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์, ก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ รวมเป็นสามข้อหา ขณะที่ณัฐนนท์ถูกตั้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าหนักงาน และใช้เสียงสัญญาณยาวหรือซ้ำโดยไม่มีเหตุอันควร เพิ่มอีกสองข้อหา รวมเป็นห้าข้อหา

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ทั้งสองถูกตำรวจออกหมายเรียกด้วยข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ แต่ทั้งสองขอเลื่อนนัดรับทราบข้อกล่าวหาเนื่องจากติดเรียนและทำงาน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะขอศาลอาญาออกหมายจับ โดยเพิ่มข้อหามาตรา 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาด้วย

สำนักข่าวเดอะสแตนดาร์ด รายงานคำพูดของพล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ที่ระบุว่า ตำรวจไม่สามารถรอผู้ก่อเหตุมอบตัวได้ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญและสะเทือนจิตใจของประชาชนในวงกว้าง ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับทั้งสองคน

ศูนย์ทนายความฯ ระบุต่อว่า ระหว่างการสอบสวน ทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ไม่ลงลายมือชื่อในเอกสาร และปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วเมือ ทั้งสองจึงถูกแจ้งข้อหา ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุอันควรอีกหนึ่งข้อหา

ทานตะวันและณัฐนนท์ถูกฝากขังในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการสอบสวน โดยระบุว่า “พฤติการณ์ในการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้งสองมีลักษณะไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิดความปั่นป่วนต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม หากให้ปล่อยตัวชั่วคราวมีเหตุน่าเชื่อว่าจะไปก่อเหตุอันตรายลักษณะเดียวกันนี้ หรือประการอื่นอีก” ซึ่งทานตะวันเขียนจดหมายให้สื่อมวลชนก่อนเข้าเรือนจำว่า เธอและณัฐนนท์จะอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วง

ข้อมูลจากตำรวจ สน. ดินแดง ที่ร้องขอฝากขังนักกิจกรรมทั้งสอง ตามที่ระบุในเว็บไซต์ของศูนย์ทนายความฯ กล่าวว่า รถของณัฐนนท์พยายามเข้าแทรกไปด้านหน้าแต่ขับผ่านไปไม่ได้ โดยตำรวจสั่งให้หยุดรถ ซึ่งผู้ต้องหาได้หยุดรถและบีบแตรเพื่อแสดงความไม่พอใจราวหนึ่งนาที ก่อนที่ทานตะวันที่นั่งอยู่ด้านคนขับ จะเปิดกระจกรถเพื่อต่อว่าตำรวจที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว

ทางด้านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ของไทย ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า “ผมและคณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบันฯ ครับ” ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรก็มีการพิจารณาญัตติด่วนว่าด้วยการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

• ที่มา: เอพี, รอยเตอร์, Manchester Evening News, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, เดอะ สแตนดาร์ด