สหรัฐฯ เริ่มแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทยาโมเดอร์นาไปยังศูนย์วัคซีนต่าง ๆ กว่า 3,700 แห่งทั่วประเทศในสุดสัปดาห์นี้ และคาดว่าอาจจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ในวันจันทร์
พลเอกกุสตาฟ เพอร์นา หัวหน้าโครงการเร่งรัดพัฒนาวัคซีน Operation Wasp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทโมเดอร์นาเริ่มนำวัคซีนใส่รถบรรทุกในวันเสาร์และเริ่มออกเดินทางออกจากโรงงานในวันอาทิตย์ โดยคาดว่าจะไปถึงโรงพยาบาลหรือศูนย์วัคซีนต่าง ๆ ในวันจันทร์ เพื่อเริ่มฉีดให้กับกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงเป็นกลุ่มแรก ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้สูงอายุในสถานดูแลคนชราต่าง ๆ
วัคซีนชนิดที่สองที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ นี้ต้องเก็บไว้ในห้องเย็นภายในรถบรรทุกวัคซีนที่เดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของสหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวที่สองที่พัฒนาโดยบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIH หลังจากที่คณะกรรมการที่ปรึกษาให้คำแนะนำรับรองวัคซีนดังกล่าว ถือเป็นวัคซีนชนิดที่สองที่ FDA อนุมัติ ต่อจากวัคซีนที่บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ผลิตร่วมกับบริษัทไบโอเอนเท็ค (BioNTech)
โฆษกของกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการแจกจ่ายวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นาและบริษัทไฟเซอร์รวมทั้งหมดเกือบ 8 ล้านโดส โดยใช้ช่องทางหลายอย่างในการขนส่งวัคซีนไปทั่วประเทศ รวมทั้งบริษัทขนส่งเอกชน เช่น UPS และ FedEx ที่ล้วนยืนยันว่าจะให้ความสำคัญกับการขนส่งวัคซีนโควิดมากกว่าสินค้าอื่น ๆ
วัคซีนทั้งสองชนิดที่ผ่านการรับรองของ FDA มีอัตราความสำเร็จในการป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัสมากกว่า 95% จากการทดสอบขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของวัคซีนจากทั้งสองบริษัทนี้คือการจัดเก็บ เพราะในขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์ต้องจัดเก็บที่อุณหภูมิเย็นจัดในระดับ -70 องศาเซลเซียส แต่วัคซีนของโมเดอร์นาสามารถจัดเก็บได้ที่อุณหภูมิปกติของตู้เย็นเป็นเวลา 30 วัน
พลเอกกุสตาฟ เพอร์นา คาดหวังว่า ภายในปีนี้สหรัฐฯ จะมีวัคซีนจากทั้งสองบริษัทเพียงพอสำหรับฉีดให้กับประชาชนราว 20 ล้านคน
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่า ณ วันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐฯ มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่แล้วเกือบ 317,000 คน และมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 17.7 ล้านคน ถือเป็นจำนวนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
