ไม่นานนี้ นิตยสาร Time ตีพิมพ์บทความชื่อ “Mindful Revolution” หรือ “การปฏิวัติทางจิต” พูดถึงเรื่องที่มีคนอเมริกันจำนวนมากหันไปใช้วิธีทำสมาธิ วิปัสสนา เพื่อรักษาอาการเครียดจากชีวิตประจำวัน
คุณ Hugh Byrne ครูสอนวิปัสสนาที่ศูนย์โยคะแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน บอกว่าตนเริ่มสอนทำสมาธิมาตั้งแต่ 14 ปีก่อน โดยเน้นให้ลูกศิษย์ตั้งสติให้ตระหนักรู้ตลอดเวลา และอยู่กับจิตของตัวเอง และว่าตนต้องการให้คนทั่วไปมองว่าการทำสมาธินั้นเป็นวิธีบรรเทาความเครียดได้ แม้จะไม่สนใจศึกษาพุทธศาสนาหรือจิตวิญญาณแบบตะวันออกก็ตาม
รายงานสำรวจหลายชิ้นชี้ว่า คนอเมริกันรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นสนใจในเรื่องการทำสมาธิ และจัดพวกตนอยู่ในกลุ่ม “เชื่อในจิตวิญญาณ แต่ไม่ใช่ศาสนา” ซึ่งคุณ Byrne เชื่อว่าการฝึกสมาธิเหมาะสมกับคนกลุ่มนี้ โดยครูสอนวิปัสสนาผู้นี้ชี้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของตนไม่ใช่สอนให้เปลี่ยนความเชื่อทางศาสนา แต่เป็นการสนับสนุนให้เกิดการทดลองว่าวิธีนี้เหมาะสมกับพวกเขาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางคนระบุว่าการทำสมาธิที่กำลังแพร่หลายในอเมริกา เป็นเพียงแค่แฟชั่นฉาบฉวยที่อาศัยประโยชน์จากคุณค่าของแนวทางปฏิบัติดังเดิมในศาสนาพุทธ โดยมิได้เข้าถึงแก่นที่แท้จริง
ถึงกระนั้น หลายคนที่ได้ลองฝึกทำสมาธิ เช่นคุณ Alona Bauer ทันตแพทย์ที่หันมาทำวิปัสสนาเพื่อลดความเครียด บอกว่าหลังจากนั่งสมาธิแล้วสมองของเธอแจ่มใส ผ่อนคลาย หัวใจเต้นเป็นจังหวะช้าลง และตอนนี้เธอเริ่มสนใจที่จะศึกษาศาสนาพุทธอย่างจริงจัง
รายงานจากห้องข่าว VOA / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล