“สัปดาห์ก่อน โจ ไบเดน บอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาธิปไตยเป็นเดิมพัน ความจริงก็คือ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรื่องการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยในประเทศ”
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ เน้นย้ำถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19 การรักษากฎระเบียบท่ามกลางการความขัดแย้งทางสีผิวระลอกใหม่ และโจมตี 'โจ ไบเดน' คู่แข่งทางการเมือง ในเวทีการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่ดำเนินมาเป็นวันที่สาม
เพนซ์ ยังได้ตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่เขาจะลงคู่กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเลือกใช้ป้อม ฟอร์ท แมคเฮนรี อนุสรณ์สถานในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ เป็นฉากหลัง
อดีตผู้ว่าการรัฐอินเดียนา ได้กล่าวยกย่องูผลงานที่ผ่านมาของโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การสร้างงาน การอัดฉีดงบประมาณให้กระทรวงกลาโหม ไปจนถึงการจัดตั้งกองบัญชาการอวกาศ
เพนซ์ยกความดีความชอบให้ทรัมป์ ในการจัดการกับการระบาดของโคโรนาไวรัส ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลของทรัมป์จะถูกโจมตีว่าไม่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ จนทำให้สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย และมีผู้ตกงานหลายล้านคน
ถึงจะยอมรับหลายครั้งว่านี่เป็น “ช่วงเวลาที่ยากลำบาก” แต่เพนซ์ก็พยายามสื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงปัญหาชั่วคราว และทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอีกครั้ง.
"หลังจากที่เราเสียสละ และลำบากกันมามาก ในปีนี้ที่ไม่เหมือนปีไหน เรากำลังจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง"
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของตนและทรัมป์ว่าเป็นผู้สนับสนุนการรักษากฎระเบียบและความเรียบร้อยในสังคม ในขณะที่ความขัดแย้งทางสีผิวได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จากความโกรธแค้นที่นาย เจคอบ เบลค ชายผิวดำถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในรัฐวิสคอนซิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
“เราจะต้องรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยบนท้องถนนในประเทศนี้ สำหรับอเมริกันทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา และทุกสีผิว" เพนซ์กล่าว
ที่ผ่านมารัฐบาลทรัมป์ได้มองว่า การชุมนุมประท้วงความอยุติธรรมทางสีผิวหลังจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอย์ด ระหว่างการจับกุมของตำรวจ ทำให้เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่ความรุนแรง ถึงแม้ว่าผู้ชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่จะชุมนุมอย่างสงบและสันติก็ตาม
เพนซ์ ยัง โจมตีอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี โดยพยายามเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทรัมป์ และ ไบเดน ในหลาย ๆ ประเด็น เช่น มุมมองและการจัดการเรื่องความขัดแย้งทางสีผิว การสนับสนุนตำรวจ และยังบอกว่าโจ ไบเดน มีนโยบาย “ซ้ายจัด” ที่จะทำให้อเมริกาตกต่ำ
นอกจากนี้ การประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่สาม ยังมีผู้กล่าวสุนทรพจน์สตรีหลายคน ที่ออกมาช่วยทรัมป์หาเสียง โดยเฉพาะในกลุ่มฐานเสียงที่เป็นผู้หญิง
เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาของทรัมป์ ชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้ที่ส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในวงการธุรกิจและการเมือง
“ท่านประธานาธิบดีไว้ใจเรา ปรึกษาเรา เคารพความเห็นของเรา และบอกกับเราว่าเราเท่าเทียบกับผู้ชาย”
ด้าน เคย์ลีห์ แมคเอนานี โฆษกประจำทำเนียบขาว เล่าถึงช่วงเวลาที่เธอมีปัญหาสุขภาพ ที่ทำให้เธอได้รับกำลังใจจากทรัมป์
“ขณะที่ฉันฟื้นจากยาสลบ โทรศัพท์ฉันดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จากประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อโทร.มาถามว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง ฉันประทับใจมาก ที่ผู้นำประเทศโลกเสรีจะแสดงความห่วงใยในตัวฉัน”
ก่อนที่จะจบงานในวันนี้ ทรัมป์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการปรากฎตัวที่เวทีของ ไมค์เพนซ์ ก่อนจะทักทายและถ่ายรูปกับแขกที่ได้รับเชิญมาในงาน โดย ทรัมป์ มีกำหนดจะกล่าวยอมรับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนของพรรคลงศึกเลือกตั้ง ในวันพฤหัสบดีนี้ จากบริเวณทำเนียบขาว