รัฐบาลเม็กซิโก ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อขอให้พิจารณาสั่งฟ้องผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายปืนในสหรัฐฯ ในข้อหาประกอบการเชิงพาณิชย์ผิดกฎหมายและประมาทเลินเล่อ จนทำให้เกิดเหตุนองเลือดมากมายในเม็กซิโก
รายงานข่าวระบุว่า เม็กซิโกยื่นคำฟ้องดังกล่าวซึ่งเป็นกรณีที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนี้ ให้กับศาลรัฐบาลกลางในนครบอสตันแล้ว โดยผู้ที่ถูกระบุเป็นจำเลย มีอาทิ บริษัท Smith & Wesson Brands, Inc., บริษัท Barret Firearms Manufacturing Inc. และ บริษัท Colt’s Manufacturing Company รวมทั้ง บริษัท Interstate Arms ซึ่งเป็นตัวแทนค้าส่งอาวุธปืนให้กับผู้ผลิตหลายรายซึ่งรวมถึงรายชื่อที่กล่าวมาข้างต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลเม็กซิโก กล่าวว่า บริษัทเหล่านี้ตระหนักดีว่า การทำธุรกิจของตนส่งผลให้มีการลักลอบนำเข้าอาวุธปืนเข้ามายังเม็กซิโก แต่ยังทำการอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้อยู่ดี โดยในคำฟ้องนั้น มีการระบุเรียกร้องค่าเสียหายต่อเหตุหายนะทั้งหลายที่เกิดจากปืนที่นำเข้ามายังเม็กซิโก
ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก ราว 70 เปอร์เซ็นต์ของอาวุธปืนที่ถูกลักลอบนำเข้ามาในประเทศมาจากสหรัฐฯ โดยในปี ค.ศ. 2019 สถิติชี้ให้เห็นว่า มีคดีฆาตกรรมกว่า 17,000 คดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนที่มีผู้ลักลอบนำเข้ามา
อย่างไรก็ดี National Shooting Sports Foundation ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจอาวุธปืนในสหรัฐฯ ออกคำแถลงปฏิเสธคำกล่าวหาของรัฐบาลเม็กซิโกว่า ผู้ประกอบการในประเทศทำการประมาทเลินเล่อ
ลอว์เรนซ์ จี คีน รองประธานอาวุโสของกลุ่ม ระบุว่า “คำกล่าวหาต่างๆ นั้นไม่มีมูลทั้งสิ้น และรัฐบาลเม็กซิโกเองที่เป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อเหตุอาชญากรรมและเหตุทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นไปทั่วภายในพื้นที่พรมแดนของตน
ไม่ว่าจะอย่างไร อเลฮานโดร เซโลริโอ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนที่ถูกลักลอบเข้าประเทศนั้นอยู่ที่ราว 1.7 เปอร์เซ็นต์ ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีของเม็กซิโก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว โดย เซโลริโอ กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่าอย่างน้อย 10,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก เปิดเผยว่า การดำเนินการฟ้องร้องสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอาวุธปืน และระบุว่า “ความสำคัญเร่งด่วนนในเวลานี้คือการลดเหตุฆาตกรรม” และว่า “เรา(เม็กซิโก) ไม่ได้กำลังหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายของสหรัฐฯ”