เจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกส์ และภริยา เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสส์แห่งซัสเซกส์ ประกาศข่าวการประสูติทายาทองค์ใหม่ เป็นเพศหญิง ซึ่งลืมตาดูโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ
โฆษกประจำตัวของเจ้าชายแฮร์รี และเมแกน ประกาศข่าวในวันอาทิตย์ โดยระบุว่าทั้งเมแกนและบุตรสาวมีสุขภาพแข็งแรงดี โดยเจ้าชายแฮร์รี และเมแกน ได้ตั้งชื่อพระธิดาองค์นี้ว่า ลิลลิเบ็ท ‘ลิลลี’ ไดอาน่า เมาท์แบทเทน-วินด์เซอร์ (Lilibet ‘Lili’ Diana Mountbatten-Windsor) ซึ่งเป็นการนำพระนามของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่สอง มารวมกับพระนามของเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งใช้เป็นชื่อกลาง
พระธิดาองค์ใหม่นี้จะอยู่ในลำดับที่ 8 ของการสืบสันตติวงศ์แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดย ณ วันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ ยังไม่มีการเปิดเผยภาพของพระธิดาองค์ใหม่นี้ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
เจ้าชายแฮร์รี และเมแกน เข้าพิธีเสกสมรสที่พระราชวังวินเซอร์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2018 และมีพระโอรสองค์แรก อาร์ชี เมาท์แบทเทน-วินด์เซอร์ (Archie Mountbatten-Windsor) ในอีกหนึ่งปีต่อมา
ต่อมาในปี ค.ศ.2020 ทั้งสองพระองค์ได้ประกาศยุติการปฏิบัติภารกิจในฐานะสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ และย้ายมาพำนักที่รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นการถาวร
บทสัมภาษณ์สะเทือนโลก-เขย่าราชวงศ์
เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ให้สัมภาษณ์เปิดเผยการใช้ชีวิตในราชวงศ์อังกฤษกับราชินีทอล์คโชว์ของอเมริกา โอปราห์ วินฟรีย์ โดยระบุถึงสังคมและสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษ ที่มีทัศนคติเหยียดเชื้อชาติและไม่ส่งเสริมสนับสนุน เมแกน ในฐานะสมาชิกใหม่ในราชวงศ์อังกฤษ จนทำให้เธอคิดฆ่าตัวตาย
ในการสัมภาษณ์ดังกล่าว เมแกน มาร์เคิล กล่าวกับโอปราห์ วินฟรีย์ ว่า สมาชิกราชวงศ์อังกฤษเคยแสดงความกังวลต่อสีผิวของพระโอรสของเธอและเจ้าชายแฮร์รี ก่อนที่จะลืมตาออกมาดูโลกในเวลานั้น
ทั้งสองประกาศยุติบทบาทราชวงศ์ โดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถรับมือการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวอันสุดจะทน และทัศนคติเหยียดเชื้อชาติของสื่ออังกฤษได้ และเมแกนออกมากล่าวภายหลังว่า เธอ “ไม่ได้รับการปกป้อง” จากราชวงศ์อย่างที่ควรจะเป็น
ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังบัคกิงแฮม ออกแถลงการณ์มาเพียง 1 ฉบับ ความยาว 61 คำ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของเมแกนเรื่องการเหยียดผิวและการที่เธอไม่ได้รับการปกป้องจากราชวงศ์อังกฤษ
ในแถลงการณ์ระบุว่า สมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ “รู้สึกเสียพระทัย” ที่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยประเด็นที่ถูกกล่าวถึง โดยเฉพาะเรื่องเชื้อชาติ เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง และจะต้องได้รับการหารืออย่างจริงจังเป็นการภายใน และว่า เจ้าชายแฮร์รี เมแกน และอาร์ชี จะยังคงเป็นที่รักยิ่งของสมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ความยาว 61 คำฉบับนี้ มิได้ช่วยให้เสียงวิจารณ์ในแง่ลบที่มีต่อราชวงศ์อังกฤษสงบลงได้แต่อย่างใด