ประชาชนชาวเมียนมาเดินขบวนต่อต้านรัฐประหารอีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ที่เมืองมัณฑะเลย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเมียนมา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และนักเรียนแพทย์ สวมชุดขาวเดินขบวนในช่วงดึกคืนวันเสาร์ต่อเนื่องเช้าวันอาทิตย์ พร้อมตะโกนขับไล่เผด็จการ และเรียกร้องปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี ผู้ถูกกองทัพเมียนมาควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. นอกจากนี้ ยังมีการเดินขบวนในรัฐคะฉิ่น โดยประชาชนพากันจุดเทียนหลายร้อยเล่มเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา
เมื่อวันเสาร์ สื่อ Myanmar Now รายงานว่า ทหารและตำรวจเมียนมาได้ปราบปรามผู้ประท้วงอย่างหนักในหลายเมืองทั่วประเทศท่ามกลางเสียงประณามจากทั่วโลก โดยมีการใช้ทั้งกระสุนยาง กระสุนจริง และแก๊สน้ำตา เพื่อสลายผู้ชุมนุม โดยมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตหนึ่งราย บาดเจ็บสาหัสอย่างน้อยสองรายที่เมืองโมกก ขณะที่จนถึงขณะนี้คาดว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 230 คน
ด้านผู้ประสานงานภาคประชาชนของสหประชาชาติประจำเมียนมา แอนดรูว์ เคิร์กวูด กล่าวว่า ทหารและตำรวจเมียนมายกระดับการปราบปรามผู้ประท้วงรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ก็เผชิญการต่อต้านเพิ่มขึ้นจากผู้ประท้วงเช่นกัน และล่าสุด บรรดาแพทย์ พยาบาล ครู เกษตรกร และคนขับรถบรรทุก ต่างออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารแล้ว
แอนดรูว์ เคิร์กวูด กล่าวกับผู้สื่อข่าวผ่านวิดีโอออนไลน์จากบ้านของเขาในนครย่างกุ้งว่า ยามค่ำคืนในย่างกุ้งจะมีเสียงปืนดังตลอดเวลา เช่นเดียวกับเสียงเคาะภาชนะต่าง ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการขับไล่เผด็จการทหาร ขณะที่มาตรการเคอร์ฟิวกำลังมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ
ผู้ประสานงานของยูเอ็น กล่าวว่า ทหารเมียนมาใช้วิธีบุกจับแกนนำฝ่ายตรงข้ามไปจากบ้านของพวกเขาในตอนกลางคืน จนถึงขณะนี้คาดว่ามีผู้ถูกจับกุมไปแล้วอย่างน้อย 2,400 คน โดยที่ไม่มีใครสามารถติดต่อผู้ถูกจับกุมเหล่านั้นได้ และคาดว่าวิกฤติด้านมนุษยธรรมในเมียนมาจะดำเนินต่อไป ประกอบกับราคาอาหารที่สูงขึ้นราว 20% ในหลายพื้นที่
เคิร์กวูด ยังแสดงความกังวลถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังจากที่มีศูนย์ตรวจหาเชื้อหลายแห่งปิดตัวลงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ กองทัพยังเข้าควบคุมโรงพยาบาลอย่างน้อย 36 แห่งทั่วประเทศ และมีการอพยพผู้ป่วยบางส่วนออกไปด้วย ขณะเดียวกัน กองทัพเมียนมาได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกในอย่างน้อย 6 เขตในย่างกุ้ง ทำให้ประชาชนราว 2 ล้านคนตกอยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของทหารทันที
ผู้ประสานงานของยูเอ็น เตือนว่า เวลานี้สถานการณ์ไนเมียนมากำลังเลวร้ายและไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ซึ่งประชาชนเมียนมาต่างคาดหวังว่าประชาคมโลกจะยื่นมือเข้าช่วย ซึ่งอาจรวมถึงการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นเข้าไปในเมียนมาด้วย