ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ (Floyd Mayweather) ยอดนักมวยผู้ไม่เคยแพ้ใคร ประกาศศักดายึดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในโลกประจำปีนี้ โดยนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes)
ฟอร์บส์รายงานว่า เมย์เวทเธอร์ซึ่งปัจจุบันอายุ 41 ปี ได้รับเงินค่าตัว 275 ล้านดอลลาร์ ในศึกดวลกำปั้นครั้งประวัติศาสตร์กับแชมป์โลกมวย UFC คอนนอร์ แม็คเกรเกอร์ (Conor McGregor) เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเมื่อรวมกับค่าสปอนเซอร์ต่างๆ อีก 10 ล้านดอลลาร์ ทำให้เมย์เวทเธอร์มีรายได้รวมระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 2017 - 1 มิ.ย. 2018 สูงถึง 285 ล้านดอลลาร์
นักกีฬาที่มีรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวตามมาเป็นที่สอง คือ ลีโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) นักฟุตบอลชาวอาร์เจนติน่า ซึ่งเล่นให้กับสโมสรบาร์เซโลน่าในสเปน ที่มีรายได้ 111 ล้านดอลลาร์ ขับเคี่ยวมากับอันดับสาม คือ คริสติโน่ โรนาลโด้ (Cristino Ronaldo) จากทีมรีอัล มาดริด ที่มีีรายได้ 108 ล้านดอลลาร์
ส่วนอันดับ 4 ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น คอนนอร์ แม็คเกรเกอร์ (Conor McGregor) คู่ชกของเมย์เวทเธอร์ที่ทำรายได้จากการชกดังกล่าวไป 85 ล้านดอลลาร์ด้วยกัน บวกกับค่าสปอนเซอร์อีก 14 ล้านดอลลาร์ ทำให้รายได้ของนักชกชาวไอริชผู้นี้อยู่ที่ 99 ล้านดอลลาร์
ปิดท้าย 5 อันดับแรกด้วย เนย์มาร์ (Neymar) นักฟุตบอลชาวบราซิล ของทีมปารีส แซงค์ แจแมง ที่ทำรายได้รวมไป 90 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ไม่มีนักกีฬาหญิงติดเข้ามาใน 100 อันดับแรกเลยสักคนเดียว หลังจากที่ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ (Serena Williams) ราชินีนักเทนนิสชาวอเมริกัน ที่ติดอันดับเข้ามาคนเดียวในปีก่อนหน้านั้น หลุดจาก 100 อันดับแรกไปเนื่องจากพักจากการแข่งขันเพื่อให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกของเธอ
แต่ที่น่าแปลกใจที่สุด คงไม่พ้น ไทเกอร์ วู้ดส์ (Tiger Woods) อดีตนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกที่แทบไม่ได้ลงแข่งเลยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กลับทำรายได้ไปถึง 43 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นนักกอล์ฟที่ทำรายได้สูงสุดในการจัดอันดับครั้งนี้ โดยรายได้เกือบทั้งหมดมาจากค่าเซ็นต์สัญญากับสปอนเซอร์นั่นเอง