การลงทุนซื้องานศิลปะ เป็นสิ่งเกินเอื้อมสำหรับหลาย ๆ คน แต่รูปแบบการลงทุนกับงานศิลปะกำลังเปลี่ยนไป หลังจากที่บริษัทสตาร์ทอัพอย่างมาสเตอร์เวิร์คส์ (Masterworks) เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถลงทุนเป็นเจ้าของร่วมในงานศิลปะอันหลากหลาย ด้วยเงินทุนที่น้อยลงและวิธีที่ง่ายขึ้น
โดย Masterworks สตาร์ทอัพในมหานครนิวยอร์ก จะทำหน้าที่เป็นผู้เลือกซื้องานศิลปะเพื่อเก็งกำไร หรืองานศิลปะที่มีแนวโน้มว่าจะทำกำไร และจากนั้นก็จะเปิดโอกาสให้ลูกค้า หรือนักลงทุนรายย่อยเข้าไปดูงานศิลปะเหล่านั้นทางเว็บไซต์ของบริษัท แล้วตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการจะซื้อหุ้นในงานศิลปะชิ้นนั้น ๆ มากน้อยเพียงใด ด้วยจำนวนเงินลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 500 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 15,000 บาท หรือ มากกว่านั้น แล้วแต่ฐานะทางการเงินของแต่ละคน
Masterworks อาศัยหลักการการเป็นเจ้าของขนาดย่อย หรือเป็นเจ้าของบางส่วน (fractional ownership) ของชิ้นงานศิลปะ ที่ถือเป็น asset หรือสินทรัพย์อย่างหนึ่ง ทำให้คนจำนวนมากขึ้นมีโอกาสในการเป็นผู้ลงทุนหรือเจ้าของงานศิลปะระดับโลก ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ ที่มีแต่เฉพาะมหาเศรษฐีเท่านั้น
โดยนายสก็อตต์ ลินน์ นักสะสมงานศิลปะและผู้ก่อตั้ง Masterworks ในปี พ.ศ.2560 กล่าวว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ใหม่ในตลาดการลงทุน ที่เรียกว่าเป็นการทำให้ของหรูหราเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
นายลินน์ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า หน้าที่ของเขาคือมองหานักลงทุนที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง เช่น คนทั่วไปที่เจียดเอาเงินจากกองทุนเกษียณมาลงทุนในงานศิลปะ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าการลงทุนในงานศิลปะเหล่านี้จะมีผลตอบแทนที่เป็นไปตามคาด และมีความเสี่ยงในระดับที่คนส่วนใหญ่รับได้
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า งานศิลปะที่ Masterworks แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มงานศิลปะชื่อดังก้องโลก เช่น ภาพวาดของโมเนต์ ที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีค่าตอบแทน เกือบสิบเปอร์เซ็นต์ หรือสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ และอีกกลุ่มคืองานศิลปะของศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่มีความเสี่ยงปานกลาง แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเรียกค่าตอบแทนได้ประมาณ 12-20 เปอร์เซ็นต์
ส่วนใหญ่แล้วในแวดวงศิลปะ เมื่อมีการขายงานศิลปะชิ้นเอกออกไปตามการประมูลแล้ว งานชิ้นนั้นก็มักจะหายไปจากสายตาของสาธารณชน แต่นายลินน์กล่าวว่า เส้นทางของงานศิลปะที่มีเจ้าของร่วมกันหลายคนนั้น มักจะเดินทางจากพิพิธภัณฑ์หนึ่งสู่อีกพิพิธภัณฑ์หนึ่ง และทำให้คนในสังคมจะยังได้เสพและชื่นชมงานศิลปะชิ้นนั้น ๆ
นอกจากนี้ การที่ผู้คนต้องกักตัวอยู่กับบ้านในช่วงโควิด-19 ยังทำให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม บริษัท Masterworks ได้รับความสนใจจากนักลงทุนหน้าใหม่มากกว่า 10,000 คนต่อเดือน
ขณะนี้บริษัทได้รับเงินลงทุนแล้วเป็นเงิน 30 ล้านดอลล่าร์ ให้กับงานศิลปะชั้นนำระดับโลก 15 ชิ้น แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีเพียง 5 ชิ้นที่้ขายออกไป โดยบริษัทบอกว่าถึงแม้ช่วงโควิด-19 จะทำให้ยอดขายลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง แต่กลับพบว่าราคาของงานศิลปะแต่ละชิ้นนั้นเพิ่มสูงขึ้น