ข่าวอื้อฉาวล่าสุดเกี่ยวกับนายกฯ มาเลเซีย Najib Razak เริ่มขึ้นเมื่อเดือน ก.ค หลังจาก Wall St. Journal ตีพิมพ์รายงานกล่าวหาว่า นายกฯ Razak โอนเงิน $700 ล้านดอลล่าร์จากกองทุนเพื่อการลงทุน 1MDB ที่ตนเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น เข้าไปบัญชีส่วนตัวของตนเอง
ต่อมานายกฯ Razak ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว และยังได้สั่งถอดถอนเจ้าหน้าที่หลายคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตนในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนนั้นยิ่งทำให้ประชาชนมาเลเซียเกิดความไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวมาเลเซียราว 200,000 คน เดินขบวนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายกฯ Razak ออกจากตำแหน่ง แต่ทางตำรวจมาเลเซียระบุว่าจำนวนผู้ประท้วงมีแค่ประมาณ 25,000 คนเท่านั้น
การเดินขบวนเป็นไปอย่างสงบ เมื่อเทียบกับการประท้วงในปี ค.ศ 2011 และ 2012 ซึ่งลุกลามไปเป็นความรุนแรงจนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและหัวฉีดดับเพลิงสลายผู้ชุมนุม
และเมื่อวันที่ 31 ส.ค ซึ่งเป็นวันชาติของมาเลเซีย นายกฯ Razak ได้กล่าวปราศรัยยืนยันว่าตนจะไม่ลาออก และว่าเงินที่มีปัญหาก้อนนั้นเป็นเงินบริจาคจากประเทศในตะวันออกกลาง นายกฯ มาเลเซียยังกล่าวตำหนิผู้ประท้วงว่าใจแคบและไร้สปิริต
Bridget Welsh นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ชี้ว่าการประท้วงครั้งนี้ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนซึ่งเป็นชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในเมือง และไม่พอใจต่อปัญหาทุจริตของรัฐบาล แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นมิได้ครอบคลุมกลุ่มและชนชั้นต่างๆ ในมาเลเซียดังที่ผู้นำการประท้วงอยากให้เป็น ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ต่างเป็นฝ่ายที่คัดค้านนายกฯ Razak และพรรครัฐบาลมาเลเซียอยู่แล้ว
นอกจากนี้การประท้วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังขาดการสนับสนุนจากพรรค PAS และขาดผู้นำที่มีบารมีอย่างนาย Anwar Ibrahim ซึ่งอยู่ระหว่างการถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปีในความผิดข้อหาร่วมเพศทางทวารหนัก
นักรัฐศาสตร์ Bridget Welsh เชื่อว่าในที่สุดแล้ว นายกฯ Razak จะสามารถฝ่าฟันวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ไปได้ แต่ไม่ใช่ในระยะยาว เพราะหลังจากนี้ประชาชนจะเกิดวิกฤติศรัทธาในตัวนายกฯ Razak ประกอบกับการสูญเสียความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นข่าวอื้อฉาวและปัญหาอื่นๆตามมาอย่างไม่สิ้นสุด
แต่คุณ William Case แห่ง City University ในฮ่องกง เห็นตรงกันข้าม คุณ Case เชื่อว่าการประท้วงที่เพิ่งผ่านไปเป็นผลดีต่อนายกฯ Razak เอง เพราะแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกของพรรคฝ่ายค้านที่ขาดการสนับสนุนจากพรรค PAS ที่เป็นพรรคของชาวมุสลิม ประกอบกับการที่ตำรวจรับมือผู้ประท้วงอย่างอดกลั้น ล้วนยิ่งจะทำให้สถานะทางการเมืองของนายกฯ Razak และพรรครัฐบาลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ผู้นี้ยังเชื่อด้วยว่า ในที่สุดแล้วนายกฯ Razak จะสามารถเอาตัวรอดจากข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตในกองทุน 1MDB นี้ไปได้
อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าอดีตคณะรัฐบาลของมาเลเซียมีกำหนดจะพบหารือกันเพื่อหาทางออกสำหรับนายกฯ Najib Razak จากข้อกล่าวหาครั้งนี้
(ผู้สื่อข่าว Ron Corben รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)