“คนร้ายทุบเข้าไปกระจกแตก แล้วก็มุดที่หน้าประตู แล้วก็มุดเข้าไปที่หน้าประตูอันนี้นะคะแล้วก็เดินเข้าไปในร้านทั้งหมด”
เจริญพร แฮ็กเกอร์ เจ้าของร้านนวดแผนไทย และฝังเข็ม Thai Spa & Acupuncture ที่เมืองแชทส์เวิร์ธ (Chatsworth) ชานนครลอส แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เล่าถึงเหตุการณ์คนร้ายใช้ก้อนหินขว้างประตูกระจกหน้าร้าน ก่อนบุกเข้าไปขโมยทรัพย์สินในช่วงกลางดึกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เธอบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธุรกิจของต้องประสบเหตุในลักษณะนี้
"น่าจะ..มากกว่า 5 ครั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด แล้วแจ้งตำรวจทุกครั้ง ..มาทำรีพอร์ทแต่ไม่เคยได้อะไรคืนเลย..พี่มีร้านทั้งหมด 6 สาขานะคะ สาขานี้ (แชทส์เวิร์ธ) โดนบ่อยสุด ส่วนสาขาอื่น ตอนนั้นโดนบ่อย แต่ไม่ได้สูญเสียอะไรมาก ยกเว้นต้องมาคอยซ่อมกระจกเอง ก็โดนไป 3 ครั้งเหมือนกัน"
ก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าตำรวจเขาก็คงจะมีงานเยอะ แล้วก็มีเคสเยอะ แต่ร้านนี้พี่เคยแจ้งไป 4 ครั้ง แล้วพี่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แม้กระทั่่งเรื่องเงิน หรือ ผลคดีต่างๆ ส่วนอีกร้าน พี่แจ้งไปตอน 9 โมงเช้า แต่ตำรวจมา 2 ทุ่ม...เจริญพร แฮกเกอร์ ผู้ประกอบการนวดแผนไทย ลอส แอนเจลิส
ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทั่วร้าน มองเห็นและบันทึกภาพใบหน้ารูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้ชัดเจน ขณะพยายามรื้อค้นหาของมีค่าภายในร้าน ก่อนคนร้ายจะคว้าโทรศัพท์มือถือของร้านหลบหนีไปได้เพียงเครื่องเดียว
"พี่คืดว่าไม่ใช่พวกโจรมืออาชีพ เพราะเท่าที่ดูแล้ว ถ้าคนมืออาชีพเขาจะคิดได้ว่า ร้านนวดมักจะไม่มีของมีค่าให้เขา เราไม่มีอะไรให้เขา.."
มีกล้องบันทึก มีหลักฐาน มีภาพคนร้าย แต่ไม่แจ้งความ ?!
แม้จะมีหลักฐานเป็นภาพวีดิโอการกระทำผิด แต่เจ้าของร้านนวดแผนไทย ตัดสินใจไม่แจ้งความ หรือ แจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อประเมินความเสียหาย เพราะ เธอเชื่อว่าผลลัพท์ที่ได้คงไม่ต่างจาก ที่ผ่านมา
“ไม่ได้เคลมอะไร และก็ไม่ได้แจ้งตำรวจรอบนี้เพราะพี่เคยมีกรณีเกิดขึ้นมาก่อน และก็มีเงินหายมากกว่านี้ เคยแจ้งไปรู้สึก 4 ครั้ง ไม่เคยได้อะไรกลับมาเลย เพราะว่า 16 ปีกับร้านนี้เคยโดนไป 4 รอบซึ่งทุกครั้งที่เสียเงินเสีย ไอแพด เสียไอโฟนที่ไม่เคยได้อะไรกลับ แล้วรอบนี้มันโดนกระจกแตกอย่างเดียว แล้วก็โทรศัพท์มือถือหายไปอย่างเดียว ก็เลยไม่ได้แจ้งความแล้วก็ไม่ได้เคลมประกันภัย เพราะว่าพี่เคมีธุระที่ต้องเสียค่า Deductible หรือ ค่าเสียหายส่วนแรก ให้บริษัทประกันฯ 500 เหรียญ..” เจริญพร กล่าวกับ 'วีโอเอ ไทย'
ปัญหาการบุกรุก ชิงทรัพย์ การก่อความรำคาญ ส่งผลต่อมาตรการความปลอดภัย ความเป็นอยู่ และการดำเนินธุรกิจของผู้คนในชุมชนไทยที่นครลอส แอนเจลิส มานานนับปีแล้ว ผู้ประกอบการชาวไทยส่วนใหญ่มองว่าส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาคนจรจัด หรือ Homeless ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในช่วงการระบาดของโควิด-19
หวั่นคนเร่ร่อนล้นเมือง กระทบธุรกิจในชุมชนไทย
ตัน พัฒนะ นายกสภาไทย ทาวน์ บอกถึงปัญหาที่ชาวชุมชนไทยประสบในช่วงที่ผ่านมา
“ที่ว่าโดนทุบกระจกก็หลายครั้งเหมือนกันแล้ว ก็มีคนเร่ร่อน มีปัญหาเรื่อง homeless ที่ว่าเป็นเอเชียนะครับ เข้าไปทำความเดือดร้อนให้กับคนท้องถิ่นกับคนไทยในเขตไทยทาวน์ ก็มีคนเร่ร่อนเข้าไปกระชากสร้อยในตลาดไทยของเรานะครับ ล่าสุดก็มีร้านโดนทุบกระจกเหมือนกัน.."
เช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจร้านนวดแผนไทย ในเมืองแชทส์เวิร์ธ ย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงกในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19
“หลังจากเกิด โควิดนะคะ ร้านเริ่มมีปัญหา เหมือนโฮมเลส (คนแร่ร่อน)เยอะขึ้น พื้นที่แถบนี้เริ่มแย่ลง มืดมาดูน่ากลัวมากเดี๋ยวนี้สมัยก่อนเปิดถึง 4 ทุ่ม เดี๋ยวนี้ประมาณทุ่มนึง ไม่มีใครอยากอยู่ร้านแล้วเพราะมันเหมือนโฮมเลสเริ่มมาอาศัยนอนในพลาซ่า” เจริญพร กล่าว
ชุมชนไทย นัด ประชุมหาทางออกร่วม ตำรวจ 'แอลเอ'
การนัดหมายพบปะผู้ประกอบการธุรกิจในชุมชนไทยทาวน์ กับ นายตำรวจระดับสูงของนครลอส แอนเจลิส เพื่อหารือด้านความปลอดภัยในชุมชนเมื่อเร็วๆนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการประสานงาน เพื่อรับทราบและวางแนวทางแก้ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในชุมชนไทย โดยผู้รักษากฎหมายของนครใหญ่แห่งนี้ยอมรับว่า ประเด็นในเรื่องปัญหาคนเร่ร่อนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ท้าทายอย่างมาก โดยยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่จะเพิ่มกลไกการประสานงานตรงเพื่อดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น
ตำรวจจนปัญญาจับมาแล้วต้องปล่อย?!
ร.อ.เบรนท์ แมคกายร์ (Brent Mcguyre (Captain III , Hollywood Division) ผบก.ตำรวจลอส แอนเจลิส (LAPD) เขตฮอลลีวูด บอกว่า การทำงานของตำรวจมีข้อจำกัดอย่างหนึ่งจากนโยบาย ‘Zero Bail ‘ของเทศบาลนครลอส แอนเจลิส ที่ประกาศใช้ในช่วงการระบาดของโควิด เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ คือ การที่ผู้กระผิดในคดีไม่ร้ายแรง และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนสามารถร้องขอการปล่อยตัวชั่วคราวได้โดยไม่ต้องมีการประกันตัว ทำให้ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้กระทำผิดส่วนหนึ่งที่ถูกจับไปแล้ว แต่ถูกปล่อยตัวออกมากระทำผิดซ้ำได้
เบลค เชา (Blake Chow) ผช. ผบช. ตำรวจนครลอส แอลเจลิส (LAPD Deputy Chief) ยอมรับว่า ประเด็นปัญหาในเรื่องคนเร่ร่อนถือเป็นสิ่งสำคัญ และย่ำแย่ที่สุดในชีวิตการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจในนครลอส แอนเจลิส แต่ก็ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่จะเพิ่มกลไกการประสานงานตรงกับชุมชนเพื่อดูแลความปลอดภัยในไทยทาวน์ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ที่ผ่านมาสถิติการโจรกรรมในเขตไทยทาวน์ของตำรวจ LAPD ในปี 2021 มีการแจ้งเหตุร้าย ราว 6 ครั้ง ขณะที่ในปีก่อนหน้านั้นมีการแจ้งตำรวจเพียง 4 ครั้ง เท่านั้น ดังนั้นการแจ้งความเพื่อตามจับคนร้ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ
แจ้งเหตุอาชญกรรมสำคัญอย่างไร?
รอสริน ปัทมคันธิน ประธานสภาหอการค้าไทย-อเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนีย บอกว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ชาวชุมชนไทยได้ทราบขั้นตอนและความสำคัญของการแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย
“การแจ้งนะคะ ตำรวจ LAPD ตอนนี้ ก็มีปัญหาว่าพอตำรวจเขาจับได้แล้ว ศาลก็จะปล่อยออกมาด้วยการไม่ต้องประกันตัว (นโยบาย Zero Bail) ก็คือตำรวจได้ทำหน้าที่แล้ว เขาก็ว้าวุ่นใจเหมือนกันนะคะ แต่การที่แจ้งเป็นการบันทึกเป็นสถิติเอาไว้ ถ้าอยากจะให้ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องแจ้งความ ทำเป็นสถิติเลย ให้ดูเลยว่า ตำรวจับได้กี่คน ศาลได้ปล่อยกี่คน เพื่อในอนาคตมันจะได้เปลี่ยนแปลง และให้มีการที่จะกฎหมายที่รัดกุมมากขึ้นนะคะ”
"ก็ดีใจนะครับที่ทางเจ้าหน้าที่ให้ความสนใจแล้วก็มามิตติ้งกันในวันนี้มี ทุกหน่วยงานมาเลยนะครับยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มาทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในเขต ไทยทาวน์ มีการแนะนำให้รู้จักกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะด้วย ในเรื่องเกี่ยวกับชุมชน เกี่ยวกับกฎหมาย ข้อแนะนำเวลามีปัญหาต้องแจ้งเจ้าหน้าที่คนไหน โดยเฉพาะต่างๆก็ได้มีการแลกนามบัตร การแนะนำสนทนากันก็ทำให้อุ่นใจมากขึ้นครับ” ตัน พัฒนะ นายกสภาไทยทาวน์ ลอส แอนเจลิส กล่าวกับ 'วีโอเอ ไทย'
การประชุมด้านความร่วมมือเกี่ยวกับ การดำเนินธุรกิจของชาวไทยในลอสแอนเจลิสอย่างปลอดภัย ระหว่างชุมชนชาวไทยกับตำรวจนครลอส แอนเจลิส หรือ LAPD ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเปิดประสบการณ์ และยกระดับการป้องกันรักษาความปลอดภัยให้ภาคธุรกิจ และชาวชุมชนไทยได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถเชื่อมโยงการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายได้ใกล้ชิดเพื่อความร่วมมือในชุมชนอนาคตได้เช่นกัน