ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานศึกษาชี้ มลภาวะทางแสงกลบความสว่างพร่างพราวของดาวบนฟ้า


In this file photo, Dave Cooke observes the Milky Way over a frozen fish sanctuary in central Ontario, north of Highway 36 in Kawartha Lakes, Ontario, Canada, early Sunday, March 21, 2021. (Fred Thornhill/The Canadian Press via AP)
In this file photo, Dave Cooke observes the Milky Way over a frozen fish sanctuary in central Ontario, north of Highway 36 in Kawartha Lakes, Ontario, Canada, early Sunday, March 21, 2021. (Fred Thornhill/The Canadian Press via AP)

ผลการศึกษาครั้งใหม่พบว่า มลภาวะทางแสงบนพื้นโลกส่งผลทำให้ท้องฟ้าสว่างขึ้นในยามค่ำคืน แต่กลับทำให้แสงของดวงดาวริบหรี่ลงในสายตาของผู้คนบนโลก

นักวิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากนักดูดาวมากกว่า 50,000 คนทั่วโลก ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2011 และ 2022 และพบว่า แสงที่มนุษย์สร้างหรือประดิษฐ์ขึ้นนั้นทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นประมาณปีละ 10% โดยผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Science ฉบับเมื่อไม่นานมานี้

ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวพบว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงของความสว่างในท้องฟ้าและการริบหรี่ของแสงดาวที่เกิดจากมลพิษทางแสงนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ในอดีตอย่างมาก

ฟาบิโอ ฟัลคิ (Fabio Falchi) นักฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยซานติอาโก เด คอมโพสเตลา (Santiago de Compostela) ในสเปน ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้ กล่าวว่า "เรากำลังสูญเสียโอกาสที่จะมองเห็นดวงดาว ปีแล้วปีเล่า" และว่า “หากคุณยังมองเห็นดวงดาวที่สลัวที่สุดได้ แสดงว่าคุณอยู่ในที่ที่มืดมาก ... แต่ถ้าคุณเห็นเฉพาะดวงที่สว่างที่สุด แสดงว่า คุณอยู่ในที่ที่มีมลภาวะทางแสงที่รุนแรงมาก"

Moon and stars shine over a tree in the outskirts of Frankfurt, Germany, early Tuesday, Sept. 8, 2020. (AP Photo/Michael Probst)
Moon and stars shine over a tree in the outskirts of Frankfurt, Germany, early Tuesday, Sept. 8, 2020. (AP Photo/Michael Probst)

ทั้งนี้ การที่เมืองต่าง ๆ มีการขยายตัวและติดตั้งหลอดไฟมากขึ้น สิ่งที่เกิดตามมาก็คือ ภาวะ Skyglow หรือ "แสงเรืองรอง" อยู่บนท้องฟ้า โดยนักวิทยาศาสตร์จะใช้คำว่า Skyglow เพื่ออธิบายถึงแสงที่เข้มข้นขึ้น

คริสโตเฟอร์ ไคบา (Christopher Kyba) นักฟิสิกส์ที่ German Research Center for Geosciences ในเมือง Potsdam ผู้ร่วมเขียนการศึกษานี้บอกกับเอพีว่า การเปลี่ยนแปลงของแสงที่มนุษย์สร้างขึ้นและทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้น 10% ถือเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่เขาคาดไว้

คณะนักวิจัยได้ยกตัวอย่างเพื่ออธิบายผลของการศึกษานี้แบบง่าย ๆ ว่า ลองนึกถึงเด็กคนหนึ่งที่เกิดในคืนวันที่อากาศแจ่มใสและสามารถมองเห็นดวงดาวได้ 250 ดวง แต่เมื่อเด็กคนนี้อายุครบ 18 ปี ก็จะเห็นดาวเพียง 100 ดวงเท่านั้น

This file photo shows a view from the camping platform Cedar Hammock on the east side of the Okefenokee National Wildlife Refuge, Wednesday, March 30, 2022, in Folkston, Ga. (AP Photo/Stephen B. Morton)
This file photo shows a view from the camping platform Cedar Hammock on the east side of the Okefenokee National Wildlife Refuge, Wednesday, March 30, 2022, in Folkston, Ga. (AP Photo/Stephen B. Morton)

ไคบา กล่าวต่อไปว่า “นี่คือมลภาวะของจริง ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชีวิตผู้คนและสัตว์ป่า” โดยเขาเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินการเพื่อลดมลพิษทางแสงให้มากขึ้น อย่างเช่น การกำหนดข้อจำกัดการติดตั้งหรือเปิดไฟในบางชุมชน เป็นต้น

การศึกษาครั้งที่ผ่าน ๆ มาเกี่ยวกับแสงประดิษฐ์ที่เกิดจากมนุษย์นั้นใช้ภาพถ่ายดาวเทียมของโลกในยามค่ำคืน ซึ่งทีมศึกษาประเมินว่า ความสว่างของท้องฟ้าเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 2%

อย่างไรก็ตาม ดาวเทียมที่ใช้ในการศึกษาที่ว่าไม่สามารถจับความสว่างแบบที่สเปกตรัมของแสงมีปลายความยาวคลื่นเป็นสีน้ำเงินได้ ซึ่งรวมถึงแสงที่มาจากหลอดไฟ LED แบบประหยัดพลังงานด้วย โดยนักวิจัยชี้ว่า กว่าครึ่งหนึ่งของไฟที่ใช้นอกตัวอาคารแบบใหม่ที่นำมาใช้ในสหรัฐฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นหลอดไฟ LED ที่ว่า

The new year's first moon rises over the Los Angeles skyline on Friday, Jan. 6, 2023. (AP Photo/Damian Dovarganes)
The new year's first moon rises over the Los Angeles skyline on Friday, Jan. 6, 2023. (AP Photo/Damian Dovarganes)

ขณะเดียวกัน ดาวเทียมนั้นสามารถค้นหาแสงที่ส่องขึ้นด้านบน เช่น สปอตไลท์ ได้ดีกว่าแสงที่ส่องจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งด้วย

เอมิลี วิลเลียมส์ (Emily Williams) นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University) ซึ่งไม่ได้ร่วมการศึกษาวิจัยนี้กล่าวว่า แสงเรืองรองส่งผลต่อวงจรการทำงานในชีวิตของมนุษย์เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ๆ เช่น กรณีของนกที่ต้องบินอพยพย้ายถิ่นฐานนั้นมักจะใช้แสงดาวเพื่อนำทางบนท้องฟ้าในตอนกลางคืน ส่วนลูกเต่าทะเลที่เพิ่งออกมาจากไข่ จะใช้แสงสว่างเพื่อนำทางในมหาสมุทร ดังนั้น มลพิษทางแสงเป็นจึงเรื่องใหญ่สำหรับสัตว์เหล่านี้เช่นกัน

ฟัลคิ นักฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยซานติอาโก เด คอมโพสเตลา กล่าวเสริมว่า ส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังสูญหายไปจากการเกิดมลภาวะทางแสงก็คือ ประสบการณ์ของผู้คนทั่วโลกต่อกันรับรู้ความเป็นไปในจักรวาล เนื่องจาก “ท้องฟ้าในยามค่ำคืนนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของแรงบันดาลใจสำหรับงานศิลปะ วิทยาศาสตร์ และวรรณกรรมมาหลายชั่วอายุคนแล้ว”

  • ที่มา: เอพี
XS
SM
MD
LG