เมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) คณะรัฐมนตรีเลบานอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลาสองสัปดาห์ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน รวมถึงให้อำนาจทหารคุมตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดท่าเรือครั้งใหญ่เมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ให้อยู่แต่ในบ้าน
ประธานาธิบดีมิเชล อาอูน ของเลบานอน เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเมื่อวันพุธ และกล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการระเบิดจะได้รับ “โทษรุนแรงสูงสุด” ประธานาธิบดีอาอูนยังทวีตข้อความด้วยว่า เขารับไม่ได้ที่สารแอมโมเนียมไนเตรทราว 2,750 ตัน ที่ทางการเลบานอนคาดว่าเป็นสาเหตุของการระเบิด ถูกเก็บที่โกดังท่าเรือถึงหกปีโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย
นายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอับ ของเลบานอน ประกาศให้วันพุธเป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศ ในขณะที่นายมาร์วัน แอบเบาด์ ผู้ว่าการกรุงเบรุต กล่าวว่าเหตุระเบิดดังกล่าวทำให้ประชาชนราว 3 แสนคนกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย
รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน ฮาหมัด ฮัสซัน กล่าวว่า แรงระเบิดได้ทำลายชุมชนทั้งหมดในบริเวณรอบ ๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 135 คน บาดเจ็บมากกว่า 5,000 คน โดยทางการเลบานอนคาดว่าจำนวนผู้เคราะห์ร้ายจะเพิ่มขึ้นอีกหลังเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาตามซากปรักหักพัง
เหตุระเบิดสะเทือนขวัญเมื่อเย็นวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ทำให้เกิดกลุ่มควันรููปเห็ดขนาดใหญ่เหนือน่านฟ้ากรุงเบรุต ทำลายท่าเรือและส่งแรงสะเทือนไปถึงอาคารที่อยู่ห่างจากท่าเรือจนกระจกและประตูได้รับความเสียหาย รถหลายคันพลิกคว่ำ
แรงระเบิดยังทำลายถังบรรจุธัญพืชขนาดใหญ่ที่ท่าเรือด้วยเช่นกัน โดยราอูล เนห์มี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการค้าของเลบานอน กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ขณะนี้เลบานอนมีธัญพืชสำรองเพียงพอต่อการบริโภคไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น และต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้มีธัญพืชสำรองอย่างน้อยสามเดือนเพื่อรับรองความมั่นคงด้านอาหารของเลบานอน
องค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันพุธด้วยว่า โรงพยาบาลสามแห่งในกรุงเบรุตได้รับความเสียหายจากระเบิดอย่างหนักและไม่สามารถเปิดทำการได้ โดยมีโรงพยาบาลอีกสองแห่งที่เปิดทำการได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากในกรุงเบรุตต้องการการรักษาพยาบาลจากเหตุระเบิด
เหตุการณ์นี้ทำให้การพิพากษาคดีที่ผู้ต้องหา 4 คนถูกกล่าวหาว่าร่วมกันวางแผนวางระเบิดสังหารอดีตผู้นำชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ของเลบานอนเมื่อ 15 ปีก่อน ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 18 สิงหาคม จากเดิมที่ศาลมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในวันศุกร์นี้
ทางด้านนานาชาติก็มีปฏิกิริยาต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง ของฝรั่งเศส จะเดินทางเยือนกรุงเบรุตในวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.) ทั้งนี้ ฝรั่งเศส รัสเซีย กาตาร์ จอร์แดน และอิหร่าน ประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่เลบานอน
สาธารณรัฐเช็กได้ส่งนักกู้ภัย 37 คนพร้อมสุนัขดมกลิ่นเพื่อช่วยค้นหาบุคคลตามซากปรักหักพัง ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งนครรัฐวาติกันก็ช่วยสวดมนต์ภาวนาให้ชาวเลบานอนผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้
ด้านสหประชาชาติก็ประกาศว่าจะช่วยสนับสนุนเลบานอนด้วยเช่นกัน โดยเหตุระเบิดได้ทำลายเรือของกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติหนึ่งลำ และทำให้เจ้าหน้าที่ของกองกำลังบางส่วนได้รับบาดเจ็บ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็แสดงท่าทีพร้อมช่วยเหลือเลบานอน และกล่าวด้วยว่า เหตุระเบิดดังกล่าว “ดูเหมือนเป็นการก่อเหตุโจมตี”
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ สำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าข้อมูลเบื้องต้นไม่ได้บ่งชี้ว่าเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวเป็นการก่อเหตุโจมตีแต่อย่างใด