ทำเนียบเครมลิน รายงานว่า กองทหารรัสเซียประสบความสำเร็จในภารกิจสำคัญของตนในการ “ปกป้องพลเรือน” ในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนที่อยู่ในการควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเรียบร้อยแล้ว
ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวในวันศุกร์ว่า กองกำลังของรัสเซียได้ “ปลดปล่อย” พื้นที่บางส่วนของยูเครนแล้ว และว่า “งานชิ้นนี้จะเดินหน้าต่อไปจนกว่าเป้าหมายทั้งหมดของปฏิบัติการพิเศษทางทหารจะบรรลุตามแผน”
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า กองทัพรัสเซียได้ครอบครองพื้นที่ราว 20% ของยูเครนไปได้แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า มอสโกทำการยึดพื้นที่ของยูเครนไปเป็นจำนวนเท่าใดนับตั้งแต่เริ่มทำการรุกรานมาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
และในระหว่างการปราศรัยประจำวัน ผู้นำยูเครนยังได้ตอบรับข่าวเกี่ยวกับแผนงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะนำส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยมาให้เพิ่มเติม โดยเฉพาะ จรวดหลายลำกล้อง (High Mobility Artillery Rocket System – HIMARS) ซึ่งปธน.เซเลนสกี ระบูว่า เป็น หนึ่งในรายการ “ข่าวที่มีความสำคัญ 3 ชิ้น” สำหรับประเทศ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ระบุว่า “(ความช่วยเหลือ)ชุดใหม่จะช่วยเสริมสรรพกำลัง(ยูเครน) ด้วยระบบอาวุธล้ำสมัย อาทิ จรวดหลายลำกล้อง (High Mobility Artillery Rocket System – HIMARS) พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับสนามรบ เพื่อปกป้องอาณาเขตของตนจากการรุกคืบของรัสเซีย” และว่า “เราจะเดินหน้านำพาโลกในการส่งมอบความช่วยเหลือครั้งประวัติศาสตร์เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของยูเครนให้ได้มาซึ่งเสรีภาพ”
นอกจากเรื่องระบบจรวด HIMARS แล้ว ผู้นำยูเครนระบุว่า ข่าวสำคัญอีก 2 ชิ้นก็คือ การที่สหภาพยุโรปตัดสินใจเดินหน้า “ดำเนินมาตรการลงโทษชุดที่ 6” ต่อรัสเซีย ที่มุ่งเน้นไปที่ “ธุรกิจน้ำมันเป็นหลัก” และการที่สถานทูตหลายประเทศค่อย ๆ กลับมาเปิดทำการเต็มรูปแบบในกรุงเคียฟในเวลานี้
ปธน.เซเลนสกี ยังกล่าวด้วยว่า การที่สถานทูตต่าง ๆ เริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้งในเมืองหลวงของยูเครน เป็นเหมือน “ข้อพิสูจน์ของศรัทธาในชัยชนะของเรา”
- ที่มา: วีโอเอ