ผู้นำเกาหลีเหนือออกมาประกาศในวันพฤหัสบดีว่า จะไม่มีวันยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ หรือไม่ใช้ประเด็นนี้เป็นเบี้ยต่อรองเจรจาใด ๆ เป็นอันขาด
คำประกาศของ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือครั้งนี้เป็นสัญญาณล่าสุดที่ยืนยันจุดยืนแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ และพันธมิตรทั้งหลายที่มีออกมาหลังจาก สมัชชาประชาชนสูงสุด ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของประเทศ ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ที่มีเนื้อความยกย่องเชิดชูสถานภาพของอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสื่อ KCNA ของรัฐ
สื่อรัฐแห่งนี้รายงานว่า ผู้นำคิมประกาศในวันพฤหัสบดีว่า เกาหลีเหนือ “จะไม่ยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ และไม่มีแผนปลดนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด ทั้งยังจะไม่มีการเจรจา และไม่มีเบี้ยต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งนั้น”
คิม จอง อึน ยังกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าพยายามโค่นรัฐบาลของตนด้วยการกดดันให้ยอมยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ แต่กล่าวย้ำว่า นโยบายเช่นนั้นมีแต่จะล้มเหลวในที่สุด
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยุติการเข้าร่วมหารือประเด็นนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2019 และได้เริ่มกลับมาทำการทดสอบยิงขีปนาวุธของตนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการทำสอบบ่อยครั้งเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยทางฝั่งสหรัฐฯ ชี้ว่า เกาหลีเหนือได้เตรียมการที่จะทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ของตนแล้วด้วย
เนื้อหาของกฎหมายฉบับใหม่ที่เกาหลีเหนือผ่านออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ระบุว่า กรุงเปียงยางจะโต้ตอบการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากประเทศของตนถูกโจมตีโดย “กองกำลังศัตรูที่มุ่งร้าย” และยังมีการวาดรายละเอียดสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นหลายแบบซึ่งเกาหลีเหนือจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ของตน
และขณะที่กฎหมายฉบับนี้ยืนยันว่า การใช้อาวุธนิวเคลียร์จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของตน เนื้อหาของกฎหมายบรรยายไว้ว่า อาวุธดังกล่าวมีความสำคัญต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเกาหลีเหนืออย่างยิ่ง
ในคำปราศรัยล่าสุดของผู้นำรัฐบาลเปียงยางนั้น คิม จอง อึน ระบุว่า เกาหลีเหนือจะปรับเปลี่ยนนโยบายนิวเคลียร์ของตนไปตาม “เงื่อนไขสภาพแวดล้อมทางทหารและการเมืองในคาบสมุทรเกาหลี” รวมทั้งสถานการณ์โลกต่าง ๆ
ทั้งนี้ การประเมินโดย Bulletin of the Atomic Scientists ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ศึกษาประเด็นความมั่นคงโลก เกาหลีเหนือน่าจะผลิตวัสดุฟิสไซล์ ซึ่งมีความสามารถในการรักษาปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ฟิชชั่นให้ยั่งยืน ได้มากพอที่จะใช้สำหรับอาวุธนิวเคลียร์ราว 45-55 ลูก และอาจจะประกอบหัวรบดังกล่าวเพื่อพร้อมนำส่งไว้แล้ว 20-30 หัว
- ที่มา: วีโอเอ