ผู้ประท้วงหลายสิบคนและตำรวจ 12 รายเสียชีวิตในการประท้วงในประเทศคาซัคสถาน ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่อการปกครองอันยาวนานภายใต้พรรคการเมืองเดิม ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ทางการคาซัคสถานกล่าวว่าในการประท้วงครั้งนี้ อาคารรัฐบาลถูกบุกและเผาทำลายหลายแห่ง ในบรรดาตำรวจที่เสียชีวิต มีหนึ่งรายถูกตัดศีรษะ และมีตำรวจบาดเจ็บ 353 คน
สำนักข่าวต่างประเทศยังไม่สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ประท้วง เพียงเเต่รายงานตรงกันว่ามีหลายสิบคน
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้คนหลายหมื่นคนในคาซัคสถานออกมาประท้วง ถือเป็นการร่วมกันต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ตั้งเเต่เป็นอิสระจากสหภาพโซเวียตเมื่อสามทศวรรษก่อน
ในตอนเเรก ประชาชนออกมาประท้วงการที่ราคาเชื้อเพลิงปิโตรเลียมเหลวสูงขึ้นเกือบสองเท่า และต่อมาการเดินขบวนขยายวงกว้าง โดยสำนักข่าวเอพีรายงานว่าเป็นสัญญาณของความไม่พอใจในประเทศที่ถูกปกครองโดยพรรคการเมืองเดิมตลอดระยะเวลาที่เป็นอิสระจากโซเวียต
ผู้นำคาซัคสถานประธานาธิบดี คาสซิม โจมาร์ต โทคาเยฟ พยายามลดความตึงเครียดต่อการประท้วงในตอนเเรก แต่เวลาต่อมา เขาขู่ที่จะใช้มาตรการรุนเเรง และขอให้กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยรัสเซียเข้าช่วยคลี่คลายสถานการณ์
ขณะนี้สนามบินในกรุงอัลมาตี้เมืองหลวง และอีกสองนครใหญ่ถูกปิดลง และระบบอินเตอร์เน็ตไม่สามารถทำงานเป็นปกติเป็นวันที่สองแล้ว ทำให้ประชาชนรับข่าวสารในประเทศได้อย่างจำกัด
ในบรรดา 5 ประเทศในเขตเอเชียกลางที่เคยอยู่ภายใต้สหภาพโซเวียต คาซัคสถานเป็นประเทศที่รำ่รวยที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด พร้อมพรั่งด้วยทรัพยากรพลังงานเเละเเร่โลหะมีค่าหลายชนิด
ปิโตรเลียมเหลวที่เเพงขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากกการที่รัฐบาลเปลี่ยนจากการคุมราคามาปล่อยให้ราคาพลังงานชนิดนี้สะท้อนกลไกตลาด
(ที่มา: สำนักข่าวเอพี)