เวลานี้คำว่า "แคเรน" (Karen) ซึ่งเป็นชื่อของสตรี ได้ถูกนำมาใช้มากขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในความหมายที่แตกต่างออกไปจากการเป็นเพียงชื่อเรียก แต่ถูกใช้ในลักษณะของคำแสลงที่ใช้แทนการเรียกสตรีวัยกลางคน ส่วนใหญ่เป็นสตรีผิวขาวที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ละเมิดหรือล่วงเกินผู้อื่นทั้งทางวาจาและการกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ลักษณะของการเลือกปฏิบัติทางสีผิวร่วมด้วย
ช่วงหลายเดือนมานี้ มีวิดีโอที่แสดงให้เห็นสตรีซึ่งแสดงพฤติกรรมดังกล่าว และถูกเรียกว่า "แคเรน" ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์มากมาย เช่น สตรีผิวขาววัยกลางคนในนิวยอร์ก เอมี คูเปอร์ ที่ตะคอกและใช้วาจาก้าวร้าวต่อชายผิวสี คริสเตียน คูเปอร์ ผู้พยายามเตือนให้เธอใส่สายจูงสุนัขบริเวณ เซนทรัล พาร์ค พร้อมทั้งยังโทรเรียกตำรวจให้มาจับเขา
รวมทั้ง วิดีโอที่แสดงให้เห็นสตรีผิวขาวหลายคนในรัฐฟลอริดาที่กล่าวกับเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นเขตปาล์มบีช ด้วยวาจาที่ไม่สุภาพว่าทำไมพวกเธอจึงไม่ต้องการสวมหน้ากากในที่สาธารณะตามที่ทางการกำหนด และสตรีอีกผู้หนึ่งที่รัฐเท็กซัสซึ่งแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเมื่อถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านค้าเพราะเธอไม่ยอมสวมหน้ากาก
ล่่าสุดเมื่อไม่นานนี้ ภาพและวิดีโอสตรีผิวขาวและสามีของเธอ (ซึ่งมักถูกเรียกว่า เควิน หรือ เคน) ก็กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อทั้งคู่ใช้อาวุธปืนขู่บรรดาผู้ประท้วง Black Lives Matter ที่พยายามเดินผ่านถนนในเขตหมู่บ้านของเธอ เพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของนายกเทศมนตรีนครเซนต์หลุยส์ ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็น "แคเรน" ในกลุ่มผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์
กระแสวิดีโอ "แคเรน" และ "เคน" ที่ปรากฎออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส และการเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีในอเมริกา แสดงให้เห็นถึงพลังของโซเชียลมีเดียและกล้องวิดีโอในโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถนำมาใช้ต่อสู้กับพฤติกรรมก้าวร้าวในที่สาธารณะ หรือการเหยียดผิว
แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ภาพของสตรีวัยกลางคนผิวขาวดูเป็น "คนไม่ดี" ในสายตาคนทั่วไปได้เช่นกัน
“Karens Going Wild by Pavel” คือหนึ่งในบัญชีอินสตาแกรมที่รวบรวมวิดีโอพฤติกรรมที่เข้าข่าย "แคเรน" ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 5 แสนคน โดยสตรีผิวขาวหลายคนที่แสดงพฤติกรรมหรือใช้วาจาก้าวร้าวในวิดีโอที่ถูกถ่ายจากมือถือเหล่านั้น ไม่ว่าจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ อาการป่วยทางจิต ความเครียด หรือแม้กระทั่งเมามายไม่ได้สติ ต่างถูกตำหนิวิจารณ์ทางสังคม หรืออาจกระทั่งต้องตกงานจากพฤติกรรมของพวกเธอ
ขณะเดียวกันก็มีการพูดถึงการแสดงความเห็นในเชิงเกลียดชังของบรรดาผู้ชมวิดีโอเหล่านั้นที่มีต่อ "แคเรน" ซึ่งรวมถึงการใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือรุกรานทางเพศต่อสตรีผิวขาวเหล่านั้นเช่นกัน