“..เขาส่งมาเป็นพัสดุ ซึ่งดูจากที่ส่งมาเขาส่งมาทาง เฟดเอ็กซ์ ก็ส่งมาในกล่อง ที่เป็นเหมือนกล่องของขวัญ..แต่ข้างในกล่องเป็นภาพที่มีคนตามมาแอบถ่ายที่บ้าน”
จอม เพชรประดับ ผู้สื่อข่าวอิสระ และนักวิจารณ์การเมืองไทย ที่ลี้ภัยการเมืองมาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงหลักฐาน ที่เป็นเอกสาร ภาพถ่าย ในลักษณะของการถูกติดตาม และข่มขู่ โดยส่งเป็นพัสดุตรงมาจากเมืองไทยถึงที่พักในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เชื่อ! มือติดตามรับงานมาจากเมืองไทย
“…ในกล่องโดยรวม คือภาพถ่าย เป็นภาพที่อยู่ที่บ้าน อยู่นอกบ้าน กำลังขับรถไปบ้านเพื่อน ไปอยู่กับเพื่อน แล้วก็ถ่ายรูปคนที่เข้าไปในบ้าน แล้วก็รถผมจอดอยู่ตรงไหน ..คงเป็นลักษณะเฝ้าดูอยู่ เพราะโอกาสที่ผมจะออกข้างนอกก็ไม่ใช่ว่าจะออกตลอด เพราะส่วนใหญ่ผมก็นั่งทำงานอยู่หลังบ้าน คือหมายถึงว่าเขาก็ต้องรอว่าผมออกไปตอนไหน ก็คงมานั่งรอที่หน้าบ้านละมั๊ง ..แต่ที่น่าแปลกใจคือคนที่ทำอันนี้ น่าจะเป็นการรับงานมาจากเมืองไทย เพราะว่าเมื่อส่งไปแล้วน่าจะส่งที่เมืองไทย และที่เมืองไทยน่าจะส่งมาที่ผมอีกที เพราะเฟ็ดเอกซ์ที่ส่งมา มาจากกรุงเทพฯ มาจากเมืองไทย ระบุที่อยู่ว่ามาจากอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร”
ขู่คุกคามเพื่อให้หยุดสิ่งที่ทำ?
อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ที่ประกาศยุติการทำงานสื่อในประเทศไทยตั้งแต่หลังการรัฐประหารเมื่อปี พุทธศักราช 2557 และออกมาทำงานสื่ออิสระบนโลกออนไลน์ ในต่างประเทศ ยอมรับว่า แม้จะเคยได้รับคำเตือนและถูกข่มขู่ในลักษณะต่างๆ มาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะแตกต่างออกไป
“..มีคนเตือนอยู่เหมือนกัน ก็เตือนกันมาตลอด เราก็รู้สึกว่าต้องระวังอยู่แต่ไม่ถึงขั้นกังวลมาก แต่ก็ระวังว่าใครตาม เพราะก่อนหน้านั้นมีคนเตือนเหมือนกันว่า ทางเมืองไทย เขาไม่พอใจมากกับการทำงาน กับการทำอะไรพวกนี้ การเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาวิจารณ์อำนาจชนชั้นนำในเมืองไทย แล้วก็วิจารณ์มาตลอด หรือเป็นการตั้งคำถาม อะไรแบบนี้มาตลอด นั้นแหล่ะ ก็อาจทำให้เขาไม่พอใจก็ได้ ..
ก็ด้วยงานที่ทำ เรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นทาร์เก็ต (เป้าหมาย) คนหนึ่ง คือความหมายของผมก็คือ เขาคงต้องการให้หยุด (มั้ง?) เพราะปกติถ้าเกิดเราจะเห็นว่าคนที่ถูกอุ้มหาย หรือถูกฆ่าในต่างประเทศส่วนใหญ่ ผมไม่แน่ใจนะว่าเขามีการเตือนหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่เขาก็ปฏิบัติการเลย แต่การเตือนครั้งนี้เหมือนกับบอกว่า เหมือนกับว่าไม่ได้คิดจะฆ่า หรือ หากจะฆ่า ก็คงจะบอกว่าถ้ายังคงทำงาน ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ หรือด่าทางเมืองไทยอยู่ ก็อาจอยู่ในข่ายที่ต้องจัดการก็ได้.."
รู้สึกไม่ปลอดภัย ระวังตัวมากขึ้น
จอม เพชรประดับ ใช้ชีวิตและอาศัย ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ได้รับการรับรองจากทางการสหรัฐฯ อย่างถูกต้องมาหลายปี แต่เหตุการณ์นี้ทำให้จอมต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะเชื่อว่าอาจถึงขั้นที่ต้องถูกปองร้ายเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยในต่างประเทศคนอื่นก่อนหน้านี้
“.. คือกรณีนี้มันทำให้รู้สึกว่า เราถูกคุกคามชัดเจน เมื่อก่อนมันอาจจะแค่คำพูดส่งมา เมื่อก่อนอาจจะมีแค่ข้อความโพสต์ในเฟสบุ๊ค เพราะที่ผ่านมาอยู่ที่นี่มันก็มี แต่เป็นลักษณะที่ยังไม่กลัวเท่ากับ...คือถ้ามันเห็นตัวมันยังพอประเมินได้ เมื่อไม่เห็นตัวส่งมาเป็นข้อมูลแบบนี้แล้วมัน เป็นลักษณะของการมุ่งมั่น นั่งรอ เพื่อที่เฝ้าจับภาพเรา แสดงว่ามีความตั้งใจสูงมาก ในเมื่อมีความตั้งใจสูงมาก โอกาสที่เขาจะทำร้ายเรามันก็จะมากกว่า แค่เดิน บังเอิญเจอตามท้องถนน และเป็นคนที่เขารู้ อย่างเป็นคนไทยที่บังเอิญมาเจอ เขาก็แสดงอาการไม่ดีกับเรา อันนั้นเราก็เข้าใจได้ แต่ถ้าต้องมานั่งรอเพื่อที่จะถ่ายรูปเรา หรือรอเพื่อที่จะตามเรา ขับรถไปเรื่อย ๆ อยู่ข้ามคืน นั่งอยู่เพื่อที่จะเก็บภาพอะไรแบบนี้ มันถือว่าเป็นอันตราย..”
แจ้งความแล้ว พร้อมเดินเรื่องขอความคุ้มครองจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
นอกจากจะแจ้งความให้กับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในเบื้องต้นแล้ว จอม กำลังอยู่ในระหว่างการประสานงานติดต่อหน่วยงานรัฐบาลกลาง เพื่อแจ้งข้อมูล และอาจความคุ้มครอง หากมีกรณีที่จำเป็น
“..เราแจ้งไปทางตำรวจ ไปที่ตำรวจท้องถิ่นแล้ว ซึ่งเขาก็รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งเดี๋ยวผมก็ต้องตามอีกทีว่า รับเรื่องแล้วเขาจะให้มาคุย หรือ หาข้อมูลมาให้เขาอีกที แต่ผมส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้เขาแล้ว เดี๋ยวคงอาจจะพยายามที่จะส่งไปยังรัฐบาลที่สูงขึ้น เช่น หน่วยงาน Homeland Security (กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ) และ เอฟบีไอ หรือ สำนักงานสอบสวนกลางแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (FBI) เท่าที่ทำได้เพื่อที่ให้เขารู้ว่าเราเป็นเป้าหมายทางการเมืองของประเทศไทยอยู่ ก็ทำทุกทางให้ตัวเองปลอดภัย..”
'จอม เพชรประดับ' เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เห็นต่างจำนวนหนึ่งที่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อขอลี้ภัยการเมือง ในช่วงหลังการรัฐประหาร เมื่อปีพุทธศักราช 2557 โดยที่ผ่านมามีผู้ลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศหลายคนที่ถูกติดตาม และถูกปองร้าย หรือ หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุ มาแล้ว
ขณะที่ ‘วีโอเอ ไทย’ พยายามติดต่อไปยังสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์การคุกคามความปลอดภัยที่เกิดขึ้น ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถให้ความเห็นได้
เช่นเดียวกับ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามเกี่ยวกับมาตรการดูแลและให้ความปลอดภัยกับคนไทยในกรณีที่ถูกคุกคามในต่างประเทศ กับ 'วีโิอเอ ไทย' ว่า รัฐบาลไทยมีเครือข่ายของสถานทูตและสถานกงสุลที่ให้การดูแลพลเมืองไทยทุกคนในต่างประเทศอย่างเท่าเทียมแม้ว่าจะมีความเห็นต่างในอุดมการณ์ทางการเมืองก็ตาม และถือเป็นเรื่องปกติหากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านโลกออนไลน์จากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยตราบใดที่อยู่ภายใต้กฎหมายของแต่ละประเทศ ขณะที่การเคลื่อนไหวในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นทางโฆษกรัฐบาลไทยไม่สามารถให้ความเห็นได้