วุฒิสมาชิก 'จอห์น ซิดนี่ย์ แม็คเคน' เป็นที่รู้จักดีในฐานะนักโทษสงครามในช่วงสงครามเวียดนาม และในฐานะตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อลงแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 2008
วุฒิสมาชิกแม็คเคนยึดมั่นเสมอมาใน American exceptionalism หรือ ความเชื่อที่ว่าคนอเมริกันมีความพิเศษ เป็นเสรีชน และมีหน้าที่เป็นเสาหลักแห่งเสรีภาพของโลก
เขากล่าวในเดือนกันยายนปีที่แล้วตอนเข้ารับเหรียญเสรีภาพ ไม่กี่เดือนหลังจากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองว่า อเมริกันชนโชคดีเพราะอาศัยในดินแดนแห่งผู้มีเสรีภาพ และในดินแดนที่ทุกอย่างเป็นไปได้
และในสุนทรพจน์เดียวกันนี้ เขาได้เตือนถึงอันตรายภายใต้ยุคของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อีกด้วย
วุฒิสมาชิกแม็คเคน กล่าวในตอนนั้นว่า การปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำโลกและหน้าที่ของอเมริกันชนในการคงความเป็นความหวังสุดท้ายที่ดีที่สุดของโลก แล้วหันไปสนับสนุนแนวคิดชาตินิยมแบบสุกเอาเผากิน และคำโกหกหลอกลวงที่ชงขึ้นโดยคนที่เลือกที่จะหาแพะรับบาปแทนการแก้ปัญหา
อลัน ลิชท์มัน นักประวัติศาสตร์การเมืองแห่งมหาวิทยาลัย American University กล่าวว่า จอห์น แม็คเคน ทุ่มเทกับงานรับใช้ประชาชนและเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง
แม็คเคน มีบิดาเป็นพลเรือเอก และตัวเขาเองกลายเป็นนักบินกองทัพเรือที่เข้าประจำการในการบินทิ้งระเบิดในสงครามเวียดนาม แต่เครื่องบินของเขาถูกยิงและตก ทำให้ถูกจับกุมตัวในเวียดนามเหนือในปี ค.ศ. 1967 เขาถูกกักขังในเวียดนามในฐานะนักโทษสงครามนานกว่า 5 ปีและเจอกับการถูกทรมานร่างกาย
หลายสิบปีต่อมา เขาเดินทางกลับไปเวียดนามในฐานะวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน และเป็นผู้นำด้านการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างทางการสหรัฐฯ กับทางการเวียดนาม โดยเขาบอกว่าต้องทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง
หลังเหตุการณ์ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ เมื่อ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 แม็คเคนประนามการใช้การทรมานร่างกายต่อผู้ต้องหา ขณะที่หนุนสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถานและอิรัก
ลิชท์มัน นักประวัติศาสตร์การเมือง กล่าวว่า การกระตือรืนร้นในการใช้ทางออกทางทหารในการแก้ปัญหา กลายเป็นจุดอ่อนของแม็คเคนในช่วงหลายปีต่อจากนั้น เขาบอกว่า คนที่วิจารณ์แม็คเคนเรียกเขาว่า "กระหายสงคราม"
แต่การแทรกแซงทางทหารเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่แม็คเคนเชื่อมั่น ไม่ได้เป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นเพื่อผลทางการเมือง
วุฒิสมาชิก แม็คเคน เคยลงแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อลงเลือกตั้งประธานาธิบดีถึงสองครั้ง เขาประสบความสำเร็จและได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคในปี ค.ศ. 2008 และในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เขากล่าวปกป้อง บารัค โอบาม่า คู่แข่งในตอนนั้น หลังจากมีหญิงชาวอเมริกันคนหนึ่งกล่าวว่าโอบามาเป็นชาวอาหรับ
แม็คเคน คว้าไมโครโฟนคืนจากผู้หญิงคนดังกล่าวแล้วกล่าวตอบว่า โอบาม่าเป็นสามีและพ่อที่ดี เป็นชาวอเมริกันที่ตนเองมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น
วุฒิสมาชิกแม็คเคนพ่ายแพ้ต่อโอบาม่าในการเลือกตั้งครั้งนั้น และกลับไปทำงานในวุฒิสภาต่อในฐานะประธานคณะกรรมาธิการด้านการทหาร
โดนัลด์ ทรัมป์ ตอนที่ยังเป็นผู้สมัครลงแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานภาพของแม็คเคนในฐานะวีรบุรุษสงคราม แต่แม็คเคนไม่ตอบโต้
อย่างไรก็ตาม แม็คเคน มักวิจารณ์นโยบายและสไตล์การบริหารประเทศของทรัมป์ ตลอดจนการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่ายอย่างรุนแรงในกรุงวอชิงตันมาตลอด โดยเขาลงคะแนนคัดค้านร่างแก้กฎหมายประกันสุขภาพทั่วหน้าของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา หรือ Obamacare ที่เสนอโดยพรรครีพับลิกันและผลักดันโดยทรัมป์
วุฒิสมาชิกแม็คเคนเป็นที่ยกย่องทั้งในบรรดานักการเมืองรีพับลิกันและพรรคเดโมเครต
หลายคนยังคงเศร้าโศกต่อการจากไปของเขา แต่แม็คเคนมีความสุขใจจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต เพราะเขารู้ว่าได้ทำงานเพื่อรับใช้ชาติอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
(เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)