หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานวันนี้ว่าประธานาธิบดีไบเดนมีแผนจะเชิญผู้นำประเทศประชาธิปไตยของโลกที่มาจากการเลือกตั้งเข้าร่วมการประชุมแบบจากระยะไกลหรือ virtual summit ระหว่างวันที่ 9 - 10 ธันวาคมนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคาดว่าจะมีการส่งจดหมายเชิญภายในไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสรุปรายชื่อผู้นำประเทศที่จะได้รับเชิญให้เข้าประชุมแบบออนไลน์ในเดือนธันวาคมนี้อย่างเป็นทางการ แต่ผู้นำประเทศที่อยู่ในข่ายจะได้รับเชิญรวมถึงผู้นำประเทศซึ่งมีการยอมรับแล้วว่าเป็นประชาธิปไตยกับประเทศประชาธิปไตยที่เพิ่งก่อตัวขึ้นด้วย และว่าวัตถุประสงค์หลักของการประชุมระดับสุดยอดแบบออนไลน์ที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพครั้งนี้คือเพื่อแสวงหาความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับระบอบอำนาจนิยมแบบเผด็จการ แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น และส่งเสริมการเคารพในสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศของตนและในระดับต่างประเทศด้วย
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามกำหนดว่าใครเป็นประชาธิปไตยหรือใครที่ไม่เป็นแต่สิ่งที่กำลังมองหาคือความมุ่งมั่นตั้งใจและความสามารถที่จะส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนซึ่งมีความหมายอย่างแท้จริง
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า การประชุมครั้งนี้จะมุ่งในเรื่องความพยายามผนึกกำลังของรัฐบาลประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อต้านทานจีนและความพยายามของจีนที่จะแพร่ขยายอิทธิพลทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองและการทหาร
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะเชิญผู้นำประเทศที่มีภาพลักษณ์มัวหมองเกี่ยวกับประชาธิปไตย อย่างเช่น ประธานาธิบดีเรจิบ เทยิบ เออโดวานของตุรกีหรือนายกรัฐมนตรีวิคตอร์ ออร์บานของฮังการีเข้าร่วมประชุมที่ว่านี้ด้วยหรือไม่ โดยวอชิงตันโพสต์ระบุว่ ามีผู้นำหลายประเทศที่อาศัยข้ออ้างของการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยแต่มีการแทรกแซงหรือบิดเบือนคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งที่ได้ ควบคุมการทำงานของสื่อมวลชนและระบบศาลในประเทศ รวมทั้งมุ่งปราบปรามผู้ที่คัดค้านหรือเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
เดิมนั้นประธานาธิบดีไบเดนมีแผนจะจัดการประชุมสุดยอดโดยเชิญผู้นำจากประเทศประชาธิปไตยเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองในสหรัฐฯ แต่ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ขณะนี้ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเป็นการประชุมออนไลน์แทน อย่างไรก็ตามทำเนียบขาวก็ตั้งเป้าว่าจะสามารถเชิญผู้นำประเทศประชาธิปไตยไปร่วมประชุมด้วยตนเองในสหรัฐฯ ได้ในปีหน้า