ในเวลานี้ อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน อยู่ในโค้งสุดท้ายที่จะตัดสินใจว่า ใครจะได้เป็นคู่หูเข้าร่วมการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
มีรายงานว่า ทีมงานต้องพิจารณาหลายด้าน เช่น ผลกระทบต่อการหาเสียงในพื้นที่รัฐที่มีการแข่งขันเข้มข้น รวมทั้งกระแสที่แนะนำให้เลือกผู้ทีเป็นสตรีผิวสีมาร่วมทีม โดยผู้ที่สื่อต่างๆ วางว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสถูกเลือก ประกอบด้วย วุฒิสมาชิก คามาลา แฮร์ริส จากรัฐแคลิฟอร์เนีย วุฒิสมาชิก อลิซาเบธ วอร์เรน จากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งถอนตัวจากการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งไปแล้ว ซูซาน ไรซ์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา รวมทั้ง แคเรน แบส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และ พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ เชื่อว่า หลังทีมงานของอดีตรองปธน.ไบเดน รวบรวมข้อมูลของทุกคนและสำรวจความคิดเห็นของประชาชน และพิจารณาปัจจัยต่างๆ แล้ว ตัวเต็ง 2 คนในเวลานี้คือ ส.ส.แคเรน แบส และ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ซูซาน ไรซ์
รายงานข่าวระบุว่า ส.ส.แบส มีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นผู้ถูกเลือก หลังสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตหลายรายที่เป็นพันธมิตรพยายามล็อบบี้ทีมงานของไบเดน ด้วยข้อมูลต่างๆ
เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานโดยอ้างข้อมูลจากผู้ที่คุ้นเคยกับอดีตรองปธน.สหรัฐฯ ว่า ไบเดน นั้นต้องการผู้ที่มีความสามารถที่จะช่วยผลักดันนโยบายสำคัญๆ ของตนในการบริหารประเทศ โดยไม่ไขว้เขวง่ายๆ และคิดถึงแต่เป้าหมายทางการเมืองของตนเอง เมื่อสหรัฐฯ ประสบปัญหาความท้าทายต่างๆ
นอกจากนั้น ที่ปรึกษาของว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตยังแสดงจุดยืนที่ต้องการผู้เข้าร่วมทีมเลือกตั้งซึ่งไม่น่าจะเป็นเป้าการโจมตีทางการเมืองจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า กำลังมีปัญหาความนิยมตกต่ำ และพยายามที่จะหาข้อมูลด้านลบมาโจมตีไบเดนอย่างต่อเนื่อง
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตหลายราย ได้พูดคุยกับทีมงานสรรหาผู้เข้าร่วมชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี และแนะนำให้เลือก ส.ส.แบส ผู้ซึ่งเข้าได้กับทุกกลุ่มภายในพรรคและน่าจะเป็นผู้ร่วมทีมที่ภักดีต่อไบเดนแน่ๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ ส.ส.แบส ยังได้ออกมาตอกย้ำเรื่องนี้ ด้วยการประกาศว่า ตนไม่มีความประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้แต่น้อย ซึ่งคำยืนยันนี้น่าจะทำให้ทีมงานของไบเดน กังวลน้อยลงว่า เธอจะฉายแววเกินหน้าอดีตรองปธน.ในระหว่างการหาเสียงได้
อย่างไรก็ตาม เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ เชื่อว่า ผู้ที่มีรายชื่อว่าอาจถูกเลือกเข้าร่วมทีมคนอื่นๆ ยังไม่หมดสิทธิ์ไปเสียทีเดียว โดยเฉพาะ วุฒิสมาชิก วอร์เรน และวุฒิสมาชิก แฮร์ริส ที่มีประสบการณ์ด้านการเมืองทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศมากกว่า ตัวเต็งทั้งสอง
ทั้งนี้ วุฒิสมาชิก วอร์เรน ได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการของ อดีตรองปธน.ไบเดน และได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกหัวก้าวหน้าในพรรคมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่หลายคนยอมรับว่า วุฒิสมาชิก แฮร์ริส เป็นผู้ที่มีความสามารถในการระดมทุน โดยเฉพาะจากผู้บริจาคสำคัญๆ ของพรรค อย่างมาก
ขณะเดียวกัน เสียงสนับสนุนจาก เจ.บี. พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ และวุฒิสมาชิก แจ็ค รีด จากรัฐโรดไอแลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสในคณะกรรมาธิการด้านกิจการทหารของพรรคเดโมแครต ให้เลือกวุฒิสมาชิก ดักเวิร์ธ เข้าทีมก็ยังเป็นสิ่งที่ทีมงานหาเสียงของพรรคต้องชั่งใจรับฟัง แม้ว่าจะมีข่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกของอดีตรองปธน.ไบเดน ค่อนข้างจะกังวลใจว่า การที่ วุฒิสมาชิก ดักเวิร์ธ ไม่ได้เกิดในสหรัฐฯ อาจกลายมาเป็นความท้าทายทางกฎหมายภายหลัง หากเลือกเธอเข้าร่วมทีม
อีกประเด็นที่ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ มองว่าน่าสนใจก็คือ หากอดีตรองปธน.ไบเดน ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะมีอายุถึงเกือบ 82 ปี เมื่อสิ้นวาระแรกของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งแปลว่า ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีอาจเป็นผู้ที่จะถูกยกขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งหน้า ทำให้การเลือกผู้เข้าร่วมทีมครั้งนี้หมายถึงการวางแผนของพรรคในช่วงทศวรรษหน้าไปโดยปริยาย
แต่แม้หลายฝ่ายคาดว่า อดีตรองปธน.ไบเดน น่าจะตัดสินใจให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ สำนักข่าว เดอะฮิลล์ อ้างข้อมูลของผู้ที่ใกล้ชิดกับทีมงานคัดเลือก และรายงานว่า การประกาศชื่อผู้เข้าร่วมทีมอย่างเป็นทางการนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม