พลเมืองญี่ปุ่นสามรายยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อตำรวจในวันจันทร์ กล่าวหาว่าถูกเลือกปฏิบัติสารพัดเพราะแตกต่างทางเชื้อชาติ โดยเรียกร้องค่าเสียหายและขอให้เจ้าหน้าที่หยุดการกระทำดังกล่าว ตามการรายงานของเอพี
หนึ่งในโจทก์ที่เข้ายื่นฟ้องศาลครั้งนี้คือ ไซยิด เซน ชายเชื้อสายปากีสถานอายุ 26 ปี เขาเล่าว่าอยู่อาศัยที่ญี่ปุ่นมานานกว่าสองทศวรรษ เรียนในโรงเรียนของญี่ปุ่นและพูดญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว แต่มักถูกตำรวจเรียกให้หยุดบ่อย ๆ รวมถึงถูกค้นตัวที่หน้าบ้าน
เซนกล่าวว่า “พวกเขา (เจ้าหน้าที่) ไม่ได้มองพวกเราเป็นคนญี่ปุ่น” และกล่าวด้วยว่า “ตั้งแต่แรกเห็น พวกเขาคิดว่าผมเป็นอาชญากร”
โจทก์ทั้งสามระบุว่า การถูกตำรวจเรียกตัวให้หยุดโดยไม่มีเหตุผล เป็นการละเมิดหลักการด้านความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติใดที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ รวมถึงขัดกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ญี่ปุ่นลงนามไว้ด้วย
ทั้งสามเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระทำที่ “ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย” เป็นจำนวนรวม 3 ล้านเยน (ราว 720,000 บาท) และค่าทนายความอีกคนละ 300,000 เยน นอกจากตำรวจแล้ว หน่วยงานรัฐอื่นที่ถูกร้องเรียนยังมีรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงหน่วยงานตำรวจในระดับชาติ กรุงโตเกียว และจังหวัดไอจิด้วย
การฟ้องร้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเปิดรับแรงงานต่างประเทศจำนวนมาก จนจำนวนแรงงานข้ามชาติที่ทำงานในญี่ปุ่นแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้วที่เกือบ 3 ล้านคน โดยคดีความนี้จะไต่สวนกันที่ศาลแขวงกรุงโตเกียว และคาดว่าจะใช้เวลาราวหนึ่งปี
โมโตกิ ทานิกูจิ หนึ่งในทนายความของโจทก์ทั้งสามระบุว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ชาวต่างชาติหรือคนสัญชาติญี่ปุ่นที่มีเชื้อสายมาจากที่อื่นจะยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ เนื่องจากความกลัวที่ตกเป็นที่เพ่งเล็งของตำรวจ
ไดสุเกะ อูชิดะ ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเคโอ กล่าวว่า ภาคธุรกิจในญี่ปุ่นพยายามที่จะเปิดพื้นที่ความหลากหลายมากขึ้นด้วยการเพิ่มจำนวนผู้บริหารเพศหญิง และในบริษัทระดับนานาชาติ ก็มีการเพิ่มจำนวนตัวแทนบริษัทที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นด้วย แต่ก็ยังถือเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นกัน
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น