ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ยักษ์ใหญ่ยานยนต์ญี่ปุ่น ‘นิสสัน-ฮอนด้า’ เจรจาควบรวมกิจการ


แฟ้ม - ผู้บริหารนิสสันและฮอนด้า จับมือกับระหว่างการแถลงข่าวร่วม เมื่อ 1 ส.ค. 2024 (Photo by Richard A. Brooks / AFP)
แฟ้ม - ผู้บริหารนิสสันและฮอนด้า จับมือกับระหว่างการแถลงข่าวร่วม เมื่อ 1 ส.ค. 2024 (Photo by Richard A. Brooks / AFP)

ฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ จะเริ่มต้นการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ ระหว่างที่ 2 ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับการแข่งขันขับเคี่ยวในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

รอยเตอร์อ้างอิงรายงานจากสื่อนิคเคอิ เมื่อวันอังคาร ระบุว่า ทั้ง 2 บริษัทยกระดับความสัมพันธ์ในช่วงหลายเดือนมานี้ ในช่วงที่ทั้ง 2 ค่ายรถยนต์เจอคู่แข่งรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากจีนเข้ามาตีตลาด

ทั้งสองกำลังพิจารณาที่จะให้บริษัทใหม่ที่ควบรวมกันนั้นดำเนินงานในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง หรือ บริษัทที่ถือหุ้นในกิจการอื่นเป็นหลัก และจะลงนามบันทึกความเข้าใจเร็ว ๆ นี้ ส่วนการถือหุ้นของทั้งสองบริษัทในบริษัทใหม่ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ จะมีการตัดสินใจในภายหลัง

นอกจากนั้น ยังตั้งเป้าที่จะนำมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) ซึ่งนิสสันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 24% เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้งนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้บริษัทใหม่นี้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก โดยยอดขายรวมของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นทั้งสามค่ายนี้สูงถึง 8 ล้านคัน

ฮอนด้าและนิสสัน ออกแถลงการณ์ที่เหมือนกันว่ารายงานของนิคเคอิยังไม่ได้มีการประกาศออกมาจากทางบริษัทอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า “จากที่ประกาศในเดือนมีนาคมปีนี้ ฮอนด้าและนิสสันอยู่ระหว่างการสำรวจความเป็นไปได้ของความร่วมมือในอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน” ขณะที่รอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันข่าวนี้ได้

หลังข่าวนี้มีออกมา หุ้นฮอนด้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.3% ในการซื้อขายช่วงบ่ายวันอังคาร

นิสสันและฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 และ 3 ของญี่ปุ่น ตามหลังโตโยต้า สูญเสียส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้กับจีน ที่ครองตลาดรถอีวีเกือบ 70% ของตลาดทั่วโลก ด้วยยอดขาย 1.27 ล้านคันในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของ 2 ค่ายญี่ปุ่นรวมกันที่ 7.4 ล้านคันในปี 2023

เมื่อมองถึงคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดโลก อย่าง เจเนรัล มอเตอร์ส และฟอร์ด มอเตอร์ ได้ลดการลงทุนรถอีวี เนื่องจากต้นทุนกู้ยืมที่สูงและระบบการชาร์ตรถไฟฟ้าที่กระทบต่อยอดขาย แม้จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็ตาม ส่วนโฟล์คสวาเกน เจอปัญหาภายในกับสหภาพรถยนต์ ความต้องการรถไฟฟ้าที่ลดลง และต้นทุนที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยานยนต์โลกยังเตรียมรับมือกับนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าที่ลดลงไป หลังการเข้ามาของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

  • ที่มา: รอยเตอร์

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG