อินโดนีเซียเองก็เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ตามแนวชั้นหินแยกในชั้นเปลือกโลกที่การเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดเป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความวิตกเนื่องจากวิกฤติการณ์ด้านนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น แต่อินโดนีเซียยังคงมีแผนการที่จะสร้างปฏิกรณ์ปรมาณูเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป
เฟอร์ฮัท อะซีส โฆษกสำนักงานพลังงานปรมาณูแห่งชาติของอินโดนีเซียกล่าวว่า อินโดนีเซียยังต้องมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับความจำเป็นต้องการพลังงานของชาติมากกว่า ขณะที่อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าทุกรูปแบบเพื่อสนองความต้องการด้านพลังงาน เขากล่าวว่า เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัย อินโดนีเซียจะสร้างโรงไฟฟ้าปรมาณูนอกบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวและจะทำตามแนวทางปฏิบัติขององค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และว่าความปลอดภัยของประชาชนจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
หลายประเทศในภาคพื้นส่วนนี้รวมทั้ง มาเลเซียและฟิลิปปินส์ก็กำลังมุ่งมองพลังงานปรมาณู อย่างไรก็ตาม ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังพยายามควบคุมวินาศภัยด้านนิวเคลียร์อันสืบเนื่องมาจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่บางคนในอินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ กำลังขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนและประเมินการณ์ความจำเป็นที่จะต้องมีพลังงานปรมาณูเสียใหม่