นายกรัฐมนตรี นาฟตาลี เบนเนตต์ แห่งอิสราเอล ประกาศในวันอาทิตย์ว่า รัฐบาลจะทำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 4 สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและบุคลากรทางการแพทย์ ในภาวะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสกำลังพุ่งสูง เนื่องจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลเพิ่งอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทยา ไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ให้เป็นเหมือนเข็มกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ เข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามศูนย์ดูแลต่างๆ
นายกรัฐมนตรี เบนเนตต์ กล่าวระหว่างการประชุมที่มีการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ด้วยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 นี้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ระดับสูงของรัฐบาลแล้วด้วย พร้อมระบุว่า “อิสราเอลจะกลับมาเป็นผู้บุกเบิกโครงการฉีดวัคซีนโลกอีกครั้งหนึ่งแล้ว”
ก่อนหน้านี้ แนคแมน แอช ผู้อำนวยการของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเพิ่งออกมากล่าวว่า อิสราเอลน่าจะประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) แม้ในขณะที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่มีการอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) แบบเม็ดของบริษัทยา เมอร์ค (Merck & Co) มาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซาลแมน ซาร์กา หัวหน้าทีมเฉพาะกิจรับมือโคโรนาไวรัสของกระทรวง กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นั้นอาจไม่เกิดขึ้นได้จริงดังหวัง เพราะประสบการณ์ของอิสราเอลในช่วงราว 2 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโควิด-19 บางรายกลับมาติดเชื้อได้อีกครั้งอยู่ดี
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลระบุว่า ประมาณ 60% ของประชากรของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และส่วนใหญ่เป็นวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค แต่ยังมีประชาชนหลายแสนคนที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนบูสเตอร์ ซึ่งเป็นเข็มที่ 3 ยังไม่ออกมารับยาในเวลานี้
ทั้งนี้ มีการคาดกันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในอิสราเอลจะแตะระดับสูงสุดใหม่ในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า โดย นายกรัฐมนตรี เบนเนตต์ กล่าวว่า ตัวเลขนี้อาจจะพุ่งถึงระดับ 50,000 คนต่อวัน ขณะที่ รัฐบาลอาจจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับการตรวจสอบการติดเชื้อให้เข้มงวดขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้คนที่มาเข้าแถวรอยาวกันตามจุดบริการต่างๆ
