อิสราเอลเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ทหารของตนเดินหน้าทำการรบกับกองกำลังฮามาสทั่วฉนวนกาซ่า และได้สังหารนักรบของกลุ่มติดอาวุธนี้ไปหลายสิบคนในฟื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือของกาซ่า ขณะทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่เมืองคานยูนิสที่อยู่ทางใต้ไปด้วย
การสู้รบระหว่างสองฝ่ายยังคงเดินหน้าต่อไป ในช่วงที่ผู้แทนเจรจาข้อเสนอหยุดยิงรอบใหม่ยังคงหารือรายละเอียดที่มาจากทั้งอิสราเอลและฮามาสเพื่อให้มีการพักรบชั่วคราวและมีการปล่อยตัวประกันที่ยังอยู่ในมือของกลุ่มติดอาวุธนี้ในกาซ่าอยู่
รายงานข่าวระบุว่า ร่างข้อเสนอการหยุดยิงรอบใหม่นี้เกิดขึ้นจากการประชุมที่กรุงปารีส ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ อิสราเอล กาตาร์และอียิปต์เข้าร่วมเมื่อต้นสัปดาห์ ขณะที่ มีการคาดว่า อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาส จะเดินทางไปกรุงไคโรเพื่อหารือรายละเอียดแผนนี้ด้วย
เมื่อวันพุธ ผู้สื่อข่าวสอบถาม จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวระหว่างการแถลงข่าว เกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจาการหยุดยิงและได้รับคำตอบว่า ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายออกมาในเวลานี้
และเมื่อถูกถามว่า การหยุดยิงครั้งใหม่นี้จะมีระยะเวลานานเท่าใด เคอร์บีเผยว่า น่าจะยาวกว่าที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่มีการพักรบราว 1 สัปดาห์
และหลังกลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันออกมากว่า 100 คนในช่วงหยุดยิงคราวก่อน เพื่อแลกกลับชาวปาเลสไตน์ 240 คนที่ถูกอิสราเอลคุมขังไว้ ในครั้งนี้ เชื่อกันว่า ฮามาสน่าจะพิจารณาปล่อยตัวประกันเพิ่มอีก 100 คนหรือมากกว่านั้น
โฆษกสภาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า มีความน่าจะเป็นว่า จะมีการช่วยตัวประกันออกมาจากกาซ่ามากขึ้น หากการหยุดยิงเกิดขึ้นนานกว่าครั้งก่อน และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าจะช่วยให้มีการเปิดทางให้มีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปให้พลเรือนผู้ได้รับผลกระทบในกาซ่าได้ด้วย
ทั้งนี้ ฮามาสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงถาวรและให้อิสราเอลถอนทหารทั้งหมดของตนออกจากกาซ่า แต่อิสราเอลประกาศว่าจะต้องทำลายฮามาสให้หมดสิ้น
นอกจากตัวเลขผู้เสียชีวิตจากสงครามที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่หลังฮามาสโจมตีอิสราเอลโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าภายใต้การบริหารของฮามาสระบุว่า อยู่ที่ราว 26,900 คนแล้ว หน่วยงานด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติเปิดเผยว่า มีประชาชนประมาณ 184,000 คนที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือแล้ว พร้อม ๆ กับเดินหน้าอพยพหนีภัยไปยังพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย
มาร์ติน กริฟฟิธส์ หัวหน้าหน่วยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพุธว่า ราว 75% ของประชากรของกาซ่ากลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว และทั้งหมดต่างกำลังใช้ชีวิตในสภาพความเป็นอยู่ที่ “เลวร้ายและย่ำแย่ลงทุก ๆ วัน”
กริฟฟิธส์เปิดเผยด้วยว่า ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ประสบปัญหาขาดแคลนที่พัก อาหารและน้ำสะอาดด้วย พร้อมขอให้มีการเปิดช่องทางนำส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ จากอียิปต์เข้าไปยังอิสราเอลมากขึ้น และเปิดทางให้เจ้าหน้าที่องค์กรความช่วยเหลือต่าง ๆ เข้าถึงพลเรือนทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือของกาซ่า ได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น