กองกำลังอิสราเอลเดินหน้าทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่พื้นที่ทางใต้ของชานกรุงเบรุตในวันพฤหัสบดี หลังเพิ่งดำเนินปฏิบัติการถล่มภาคตะวันออกและภาคใต้ของเลบานอนจนมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 40 คน
การโจมตีในวันพฤหัสบดีเกิดขึ้นใกล้กับสนามบินนานาชาติเลบานอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อวันพุธให้ประชาชนทำการอพยพออกไป
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า ปฏิบัติการในวันพฤหัสบดีนั้นพุ่งเป้าไปยังที่ทำการใหญ่ของกลุ่มเฮซบอลลาห์และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในกรุงเบรุต
ในวันพฤหัสบดี นาอิม คาสเซม ผู้นำคนใหม่ของเฮซบอลลาห์ ออกมาเตือนผ่านคลิปวิดีโอที่บันทึกจากพื้นที่ที่ไม่มีการเปิดเผยว่าอยู่ที่ใด ว่า นักรบของกลุ่มจะทำศึกกับอิสราเอลจนกว่าอีกฝ่ายจะร้องขอให้เกิดสันติ โดยระบุว่า “เราจะทำให้ศัตรูต้องร้องหาการยุติการรุกราน” ด้วย
คาสเซมยังกล่าวด้วยว่า หนทางสู่การเจรจาทางอ้อม ผ่านรัฐบาลและประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอนนั้นยังมีอยู่ หากอิสราเอลหยุดการโจมตีเสีย
ในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา มีผู้คนกว่า 3,000 คนเสียชีวิตในเลบานอนจากภาวะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและเฮซบอลลาห์ โดยส่วนใหญ่ถูกสังหารตั้งแต่มีการยกระดับการสู้รบอย่างรุนแรงเมื่อกลางเดือนกันยายน ก่อนกองทัพอิสราเอลรุกเข้ามาทางใต้ของเลบานอนในวันที่ 1 ตุลาคม
จนถึงบัดนี้ ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในเลบานอนต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว
กาซ่า
ในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่าที่กองทัพอิสราเอลยกระดับความรุนแรงของการโจมตีเข้าใส่นักรบกลุ่มฮามาสในช่วงเดือนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีผู้คนราว 100,000 คนที่กลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นเพิ่ม
สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของยูเอ็น บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า มีการประเมินว่า ประชาชนราว 75,000 ถึง 95,000 คนยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่า ขณะที่ ยอดผู้เสียชีวิตในช่วงเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่หลายร้อยคน
ขณะเดียวกัน ดูจาร์ริค เปิดเผยด้วยว่า โครงการแจกจ่ายวัคซีนโปลิโอโดยองค์การอนามัยโลก องค์การ UNICEF และหน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ในกาซ่านั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้วตั้งแต่เมื่อวันอังคาร โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ภาคกลางของกาซ่าได้ถึง 103% ซึ่งหมายความว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบที่ได้รับวัคซีนมากกว่าเป้าหมาย ขณะที่ 91% ของเด็ก ๆ ในภาคใต้ของกาซ่าก็ได้รับวัคซีนทั้ง 2 โดสตามที่ควรเช่นกัน
แต่ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือนั้น โฆษกยูเอ็นระบุว่า สามารถบรรลุเป้าหมายได้เพียง 88% เนื่องจากภาวะการสู้รบทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้สะดวก
UNRWA และอิสราเอล
เมื่อวันพุธ ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ร้องขอให้นานาชาติช่วยสนับสนุนการทำหน้าที่ของหน่วยงานนี้ หลังอิสราเอลประกาศผ่านกฎหมายใหม่ 2 ฉบับที่มีเนื้อหาสั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานเข้าไปปฏิบัติงานในอิสราเอล ซึ่จะมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า
ลาซซารินี กล่าวด้วยว่า UNRWA ทำหน้าที่เป็นเหมือนสายชูชีพให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่ามาตลอดปีที่ผ่านมา และหากอิสราเอลประสบความสำเร็จในการจัดการกับหน่วยงานนี้ นั่นก็จะเท่ากับเป็นการล่มสลายของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นให้กับชาวปาเลสไตน์ทันที
หลายปีที่ผ่านมา อิสราเอลวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ UNRWA มาโดยตลอด พร้อมกับกล่าวหาฮามาสว่าใช้โรงเรียนในกาซ่าเป็นฐานปฏิบัติการก่อการร้ายและส่งเสริมบทเรียนต่อต้านอิสราเอล
และหลังสงครามครั้งใหม่นี้ปะทุขึ้นมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อิสราเอลยิ่งโจมตีหน่วยงานยูเอ็นนี้หนักขึ้น ก่อนจะออกมากล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้จำนวน 12 คนเข้าร่วมการโจมตีอิสราเอลด้วย แม้ UNRWA จะยืนยันว่า ไม่เคยได้รับหลักฐานใด ๆ เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาของเทลอาวีฟที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
หน่วยงาน UNRWA นั้นถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้มติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี 1949 เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์
นับตั้งแต่ฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อ 13 เดือนก่อน และทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน รวมทั้งมีการจับตัวประกันไปกาซ่ากว่า 250 คน อิสราเอลได้ทำการโจมตีโต้กลับเข้าไปในเขตปกครองของชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 43,300 คนแล้ว อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น