รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศดำเนินมาตรการลงโทษรอบใหม่แก่อิหร่าน เพื่อสกัดภัยคุกคามจากแผนพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำการลงโทษอิหร่านพร้อมดำเนินมาตรการควบคุมการส่งออกขององค์กรและบุคคลทั้งหมด 27 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ภายใต้มาตรการล่าสุดนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าควบคุมทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนย้ายอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหารไปยังและจากอิหร่าน โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้จัดทำรายชื่อบุคคลและธุรกิจที่จะถูกลงโทษออกมาแล้ว ซึ่งรวมถึง องค์กรอุตสาหกรรมกลาโหม (Defense Industries Organization – DIO) ของอิหร่าน และ เมหร์ดาด อัคห์ลากิ-เคทาบชิ ผู้อำนวยการของหน่วยงานนี้ รวมทั้ง ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ของเวเนซูเอลา ด้วย
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรุงเตหะรานที่เกี่ยวกับข้องการทุจริตประพฤติมิชอบได้ร่วมมือกับรัฐบาลเวเนซุเอลาที่ขึ้นปกครองประเทศอย่างไม่ถูกกฎหมายมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่เป็นการหยามมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ ดังนั้น การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนคำเตือนว่า ใครก็ตามที่ละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรของยูเอ็น จะต้องเสี่ยงกับการรับการลงโทษในที่สุด
ขณะเดียวกัน สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สถาบันการเงินใดที่อำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมต่างๆ แก่กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวอาจถูกลงโทษไปด้วย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติกลับมาดำเนินมาตรการลงโทษอิหร่านที่ผ่อนคลายลงหลังมีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์เมื่อปี ค.ศ. 2015 แต่ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเทอเรซ ยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ จนกว่าจะได้รับความกระจ่างในเรื่องนี้จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเสียก่อน