สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ผู้คนกว่า 50 คนเสียชีวิต และอีกหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ จากเหตุเหยียบกันตาย ขณะที่ชาวอิหร่านนับหมื่นรวมตัวกัน เช้าวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นในอิหร่าน เพื่อไว้อาลัยแก่ พลตรีกาส์เซม สุไลมานี ผู้ถูกสังหารใกล้สนามบินที่กรุงแบกแดด ระหว่างการโจมตีทางอากาศโดยโดรน ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
เหตุสลดดังกล่าว เกิดขึ้นที่จังหวัดเคอร์มาน บ้านเกิดของ นายพลสุไลมานี ก่อนจะมีพิธีฝัง ซึ่งจัดขึ้นไปแล้วก่อนหน้านี้ ที่กรุงเตหะราน เมืองกอม (Qom) และเมืองอาห์วาซ (Ahvaz) โดยหลังเกิดเหตุ มีรายงานข่าวว่า ทางการอิหร่านตัดสินใจเลื่อนพิธีออกไปก่อน
ก่อนจะเกิดเหตุเหยียบกันจนเสียชีวิต ผู้คนที่เข้าร่วมไว้อาลัย ต่างเรียกร้องให้มีการตอบโต้สหรัฐฯ ที่สังหารนายพลสุไลมานี ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมร้องตะโกนว่า “จะไม่ยอมประนีประนอม จะไม่ยอมอ่อนข้อ และจะต้องแก้แค้น” ระหว่างการชุมนุม
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้นหลังเหตุสังหารนี้ และหลายฝ่ายก็เริ่มกังวลว่า สถานการณ์จะบานปลาย ขณะที่ทั้งสหรัฐฯ และอิหร่าน ยังคงเดินหน้าขู่กันและกัน ว่าจะยกระดับการตอบโต้ขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ ใหัสัมภาษณ์กับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า การสังหารนายพลสุไลมานี ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ถือเป็น “การก่อการร้ายโดยรัฐ” และระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือน ท่าที่รุกรานของอเมริกาต่ออิหร่าน และอิหร่านก็จะโต้ตอบอย่างเหมาะสม พร้อมระบุว่า “เราเคารพกฎหมาย ไม่เหมือน ประธานาธิบดี ทรัมป์”
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า นายพลสุไลมานี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารทหารอเมริกันมากมายในอิรัก พร้อมกล่าวหาว่า อดีตนายพลผู้นี้ กำลังวางแผนโจมตีครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่อเมริกันในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเหตุคุกคามที่ว่านี้
และในขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ทางสหรัฐฯ ก็ได้ปฏิเสธการออกวีซ่า ให้แก่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เพื่อเดินทางมาร่วมการประชุมสหประชาชาติ ที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
