ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รายงานสหรัฐฯ ระบุ มีการโจมตีจากไส้ศึกในกองกำลังอัฟกันเพิ่มขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ 


Afghan National Army soldiers stand guard at a checkpoint
Afghan National Army soldiers stand guard at a checkpoint

รายงานของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า มี “การโจมตีจากไส้ศึกภายใน” ต่อกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ทำให้มีบุคลากรถูกสังหาร 115 คน ได้รับบาดเจ็บ 39 คน

เมื่อวันพฤหัสบดี ผู้ตรวจการพิเศษเพื่อการฟื้นฟูอัฟกานิสถาน หรือ SIGAR รายงานต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ยอดผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตของกองกำลังป้องกันและความมั่นคงแห่งชาติอัฟกัน หรือ ANDSF มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ผู้ตรวจการพิเศษฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้ระบุยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตของกองกำลังของทางการอัฟกันทั้งหมดในรายงานได้ เนื่องจากกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน เก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับตามคำขอของรัฐบาลอัฟกานิสถาน

รายงานดังกล่าวระบุว่า กองกำลังของทางการอัฟกันถูกโจมตีจากไส้ศึกภายใน 31 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 1 เมษายน ทำให้มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกลุ่มตาลิบันที่แฝงตัวเป็นตำรวจหรือทหารอัฟกันอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีส่วนใหญ่

FILE - A U.S. Marine (L) shakes hands with an Afghan National Army soldier, during a training exercise in Helmand province, Afghanistan, July 5, 2017.
FILE - A U.S. Marine (L) shakes hands with an Afghan National Army soldier, during a training exercise in Helmand province, Afghanistan, July 5, 2017.


ผู้ตรวจการพิเศษฯ ส่งรายงานไตรมาสดังกล่าวขณะที่กองกำลังสหรัฐฯ ราว 2,500 นายกำลังเตรียมการเริ่มถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานในวันเสาร์นี้ โดยมีกำหนดถอนกำลังทั้งหมดออกภายในวันที่ 11 กันยายนเพื่อยุติสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ

ลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมเกือบ 17,000 คน ประกอบด้วยชาวอเมริกัน 6,147 คน บุคลากรจากประเทศที่สาม 6,399 คน และชาวอัฟกัน 4,286 คน ที่ทำหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติการของกระทรวงในอัพกานิสถาน ก็จะเดินทางออกจากอัฟกานิสถานเช่นกัน โดยผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครจะรับช่วงทำงานต่อจากพนักงานเหล่านี้หลังพวกเขาเดินทางออกกันไปแล้ว

ผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า อากาศยานของกองทัพอัฟกันจะอยู่ในสภาพพร้อมรบได้อีกเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ลูกจ้างไม่ทำงานสนับสนุนให้อีกต่อไป ทั้งนี้ สภาพของอากาศยานจะขึ้ึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เก็บสำรอง ความสามารถในการซ่อมบำรุงอากาศยาน และช่วงเวลาที่พนักงานสัญญาจ้างจะเดินทางออกนอกประเทศ

รายงานไตรมาสดังกล่าวระบุว่า พนักงานสัญญาจ้างของกระทรวงมีหน้าที่ดูแลยานพาหนะภาคพื้นดินของ ANDSF และอบรบพนักงานเทคนิคท้องถิ่น โดยรายงานของ ผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า แม้กองกำลังของทางการอัฟกันจะปฏิบัติงานในส่วนดังกล่าวได้ดีขึ้นมาก แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานด้านซ่อมบำรุงได้เท่ากับที่ลูกจ้างทำ

ทั้งนี้ การถอนกองกำลังของสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) มีที่มาจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มตาลิบัน โดยข้อตกลงดังกล่าวทำให้เกิดความหวังในขณะนั้นว่า จะช่วยโน้มน้าวให้กลุ่มติดอาวุธและรัฐบาลอัฟกันตกลงแบ่งสรรอำนาจทางการเมืองเพื่อยุติสงครามได้


อย่างไรก็ตาม การเจรจาที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาไม่บรรลุเป้าที่วางไว้และยังคงติดเงื่อนไขที่ไม่สามารถปลดล็อคได้หลายประการ ทำให้เกิดความกังวลว่า ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้น และอาจเกิดเหตุนองเลือดมากขึ้นหลังกองกำลังต่างชาติถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานหมดแล้ว

ผู้บังคับบัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ยอมรับในแถลงการณ์ว่าา กองกำลังความมั่นคงอัฟกัน “จะล่มอย่างแน่นอน” หากสหรัฐฯ หยุดให้ความช่วยเหลือทั้งหมด เนื่องจากมีการโจมตีจากกลุ่มตาลิบันมากขึ้น

สงครามอัฟกันเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 โดยสหรัฐฯ นำกองทัพจากหลายประเทศบุกเข้าอัฟกานิสถาน คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ราว 214,000 คน รวมทั้งพลเรือน 71,344 คน เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน 2,442 คน ตำรวจและทหารชาวอัฟกัน 78,314 คน และกลุ่มติดอาวุธ 84,191 อ้างอิงจากรายงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในเดือนนี้

XS
SM
MD
LG