ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'อินเดีย' ลงนามข้อตกลงทางการค้ากับ 'เอมิเรตส์' ก่อนเร่งปิดดีลอื่นภายในสิ้นปี 


Sheikh Mohammed bin Zayed al-Nahyan, Crown Prince of Abu Dhabi and UAE's deputy commander-in-chief of the armed forces shakes hands with India's Prime Minister Narendra Modi (R) ahead of their meeting at Hyderabad House in New Delhi, India, January 25, 2017. REUTERS/Adnan Abidi
Sheikh Mohammed bin Zayed al-Nahyan, Crown Prince of Abu Dhabi and UAE's deputy commander-in-chief of the armed forces shakes hands with India's Prime Minister Narendra Modi (R) ahead of their meeting at Hyderabad House in New Delhi, India, January 25, 2017. REUTERS/Adnan Abidi

อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ได้ลงนามในข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ ที่ทั้งสองประเทศคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศขึ้นเป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ภายในอีกห้าปีข้างหน้า ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อตกลงการค้าเสรีที่รัฐบาลกรุงนิวเดลีพยายามเร่งลงนามภายในปีนี้ เพื่อกระตุ้นศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) และมกุฏราชกุมาร ชีค โมฮัมเมด บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน (Sheikh Mohamed bin Zayed al Nahyan) ของสหรัฐอาหรับอเมิเรตส์ ลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Comprehensive Economic Partnership Agreement) ในการประชุมสุดยอดที่จัดผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อน ที่อินเดียมักจะใช้เวลานานในการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ และใช้อัตรากำแพงภาษีที่สูงเพื่อปกป้องเศรษฐกิจหลายภาคส่วนของประเทศ

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นตลาดการส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย รองจากสหรัฐอเมริกา และจีน โดยการค้าระหว่างทั้งสองประเทศในปัจจุบันคิดเป็นมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์

สหรัฐอาหรับอเมิเรตส์หวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ตนมีสถานะเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งหนึ่ง ในขณะที่อินเดียหวังจะเข้าถึงตลาดแอฟริกาและเอเชียตะวันตก และช่วยสร้างงานมากกว่าหนึ่งล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น

FILE - The Burj Khalifa, the world's tallest building, displays the flag of India in Dubai, United Arab Emirates, Feb. 10, 2018. during Indian Prime Minister Narendra Modi's visit to the UAE.
FILE - The Burj Khalifa, the world's tallest building, displays the flag of India in Dubai, United Arab Emirates, Feb. 10, 2018. during Indian Prime Minister Narendra Modi's visit to the UAE.

เมื่อสองปีก่อน อินเดียได้ถอนตัวออกจาก RCEP หรือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมี ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียอีก 10 ประเทศร่วมลงนาม หลังจากที่เกิดความกังวลว่าจะมีการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกจากจีน

นั่นทำให้อินเดียไม่ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษทางการค้าในการเข้าถึงตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และทำให้เกิดความกังวลว่าอินเดียกำลังจะกลายเป็นประเทศที่ใช้นโยบายกีดกันทางการค้า

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย พิยุช โกยัล (Piyush Goyal) กล่าวว่า รัฐบาลกรุงนิวเดลีไม่ต้องการทำข้อตกลงทางการค้าแบบกลุ่มอีกต่อไป แต่เลือกที่จะทำข้อตกลงกับประเทศต่าง ๆ ที่มีค่านิยมทางประชาธิปไตย ความโปร่งใส และการเติบโตทางเศรษฐกิจเหมือนกัน

อินเดียยังหวังว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจทวิภาคีที่กำลังเจรจากับประเทศต่าง ๆ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป และอิสราเอล จะช่วยให้อินเดียเข้าถึงตลาดได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับประเทศเหล่านั้น ประโยชน์ที่ได้จากอินเดีย คือการที่จะไม่ต้องพึ่งพาการค้ากับจีนมากจนเกินไป

ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอินเดียเติบโตร้อยละ 9 ซึ่งคิดเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก

XS
SM
MD
LG