ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของจีนและอินเดียจัดการประชุมหารือในวันพุธ ว่าด้วยการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์บริเวณพรมแดนของสองประเทศที่เมืองลาดักห์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาความตึงเครียดจากการเผชิญหน้าทางทหารตลอด 20 เดือนที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับการถอนทหารออกจากจุดที่เรียกว่า Hot Springs ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ความขัดแย้งที่ถูกจับตามองมากขึ้นหลังการต่อสู้กันระหว่างทหารอินเดียกับจีนเมื่อปี ค.ศ. 2020
ตั้งแต่นั้น ทั้งสองประเทศได้ส่งทหารหลายหมื่นคนไปประจำการในบริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัย รวมทั้งอาวุธหนักและเครื่องบินรบ
เมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงถอนทหารออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์บริเวณทะเลสาบปันกอง (Pangong) หรือ ทะเลสาบผางกง บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทที่ทางการจีนและอินเดียต่างอ้างกรรมสิทธิ์ แต่การเจรจาเมื่อเดือนตุลาคมเพื่อถอนทหารออกจากพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ด้วยนั้น กลับประสบความล้มเหลว โดยทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่าไม่ให้ความร่วมมือ
และเมื่อไม่กี่วันก่อน มีการเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงการก่อสร้างสะพานของจีนในพื้นที่ทะเลสาบปันกอง ซึ่งอินเดียได้แถลงจุดยืนในการจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการก่อสร้างที่เกิดขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าสะพานดังกล่าวจะช่วยให้จีนสามารถระดมกำลังพลเข้าสู่พื้นที่พิพาทได้รวดเร็วมากขึ้น
ก่อนหน้าการเจรจาในวันพุธ ผู้บัญชาการทหารบกอินเดียกล่าวว่า การลดระดับความตึงเครียดและการถอนกำลังทหารจากพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยนั้น ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้ และหากการเจรจายืดเยื้อออกไป อินเดียก็พร้อมที่จะส่งทหารประจำการอยู่ที่นั่นตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติของอินเดีย
ด้านโฆษกกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันอังคาร แสดงความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อปรับเปลี่ยนสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ให้กลายเป็นการควบคุมจัดการพรมแดนในระดับปกติได้
ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี แถลงว่า สหรัฐฯ กำลังจับตามองสถานการณ์บริเวณพรมแดนจีน-อินเดีย อย่างใกล้ชิด และสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายหาทางออกอย่างสันติ พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยืนเคียงข้างพันธมิตรสำคัญ คือ อินเดีย ในกรณีพิพาทนี้
