อินเดียและอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการหารือเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันในวันพฤหัสบดี ขณะที่ หลายฝ่ายคาดว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยกระตุ้นตัวเลขการค้าระหว่างทั้งสองเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
แอนน์-มารี เทรเวลเลียน รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ เข้าร่วมประชุมกับ ปิยุช โกยัล รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของอินเดีย ที่กรุงนิวเดลีในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
รมต.เทรเวลเลียน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การหารือรายละเอียดข้อตกลงการค้าเสรีนี้เป็นภารกิจสำคัญชิ้นแรกของปีนี้ที่จะช่วยนำพาอังกฤษให้มีความเป็นอิสระหลังการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ เบร็กซิต (Brexit) พร้อมระบุว่า นานาประเทศล้วนมีโอกาสเฉพาะตัวในการสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้า การทหาร สภาพภูมิอากาศและสาธารณสุขระหว่างกัน ในขณะที่แต่ละฝ่ายกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อยู่
ขณะเดียวกัน รมต.โกยัล ให้ความเห็นว่า ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศนี้น่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 ปี และจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าจากระดับ 50,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบันขึ้นอีก 2 เท่าภายในปี ค.ศ. 2030 ด้วย โดยทั้งสองประเทศนั้นหวังที่จะผลักดันให้ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมหลายแห่งของตน ตั้งแต่ อาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ
นับตั้งแต่อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 2016 รัฐบาลกรุงลอนดอนมุ่งดำเนินนโยบายการค้าในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นหลัก และอินเดีย ซึ่งตนเคยปกครองในอดีต ก็เป็นเป้าหมายสำคัญที่อังกฤษตั้งความหวังไว้สูง ในช่วงที่สายสัมพันธ์กับจีนนั้นมีความไม่แน่นอนอยู่สูง
รายงานข่าวระบุว่า อังกฤษพยายามที่จะเจรจาให้มีการยกเลิกนโยบายกีดกันทางการค้าต่างๆ ซึ่งรวมถึงภาษีสำหรับสินค้าส่งออกของตน อาทิ รถยนต์และสก๊อตวิสกี้
ทั้งนี้ อินเดียและอังกฤษต่างมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในหลายด้าน โดยอินเดียได้ลงทุนในโครงการต่างๆ ถึง 120 โครงการในอังกฤษ จนทำให้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มาของการลงทุนจากต่างประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2019 ไปแล้ว
(ที่มา: สำนักข่าว เอพี)
